การเดินสายไฟภายในบ้านเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะระบบไฟฟ้าที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกใช้สายไฟให้เหมาะสม การวางแผนอย่างรัดกุม ไปจนถึงการติดตั้งที่ถูกต้องตามหลักมาตรฐานทางวิศวกรรมไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับมาตรฐานการเดินสายไฟภายในบ้าน ตั้งแต่ประเภทสายไฟ ขั้นตอนการติดตั้ง ไปจนถึงค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมไว้
มาตรฐานการเดินสายไฟภายในบ้าน
การเดินสายไฟในบ้านต้องยึดตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า มาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่
- ต้องใช้สายไฟที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
- สายไฟต้องสามารถรับแรงดันไฟฟ้าได้ตามประเภทของการใช้งาน
- สายดินต้องติดตั้งอย่างถูกต้อง
- เดินสายให้ห่างจากท่อน้ำ ท่อแก๊ส หรือวัสดุที่ไวไฟ
- ต้องมีการติดตั้งเบรกเกอร์ หรืออุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติในกรณีเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟรั่ว
ประเภทสายไฟที่ใช้ในบ้าน
การเลือกใช้สายไฟที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน โดยสายไฟที่นิยมใช้มีดังนี้:
1. สาย THW
สายทองแดงชนิดแข็ง หุ้มด้วยฉนวน PVC เหมาะสำหรับเดินในท่อร้อยสาย หรือฝังในผนัง ไม่ควรใช้ฝังดินโดยตรง
2. สาย VAF
สายแบนที่นิยมใช้สำหรับเดินภายในบ้าน เช่น ไฟส่องสว่างหรือปลั๊กไฟ มีความยืดหยุ่น แต่ไม่เหมาะสำหรับฝังดินหรือในที่ชื้น
3. สาย VCT
สายกลมที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้งานภายในอาคารหรือพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหว เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
4. สาย NYY
สายไฟชนิดกลมแข็ง มีความทนทานสูง สามารถฝังดินได้ เหมาะกับการเดินไฟจากภายนอกเข้าสู่บ้าน
ขั้นตอนการเดินสายไฟเข้า‑บ้าน
1. จากเสาไฟฟ้าเข้าสู่มิเตอร์ไฟฟ้า
ใช้สาย NYY หรือ VCT ขนาดเหมาะสมกับโหลดไฟฟ้าของบ้าน
2. ติดตั้งตู้เมนไฟ (Main Distribution Board)
ภายในตู้ต้องมีเบรกเกอร์หลัก และอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว (RCBO หรือ RCD)
3. เดินสายแยกตามวงจร
- วงจรปลั๊กไฟ
- วงจรไฟส่องสว่าง
- วงจรแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ
เลือกใช้สายไฟตามกำลังวัตต์ของอุปกรณ์ในแต่ละจุด
4. เดินสายดิน
เป็นจุดที่หลายบ้านมักมองข้าม ควรฝังแท่งกราวด์ให้ลึกไม่ต่ำกว่า 2.4 เมตร และเดินสายดินเชื่อมถึงทุกอุปกรณ์โลหะที่ต้องสัมผัส
5. เว้นระยะตามมาตรฐาน
- สายไฟห่างจากท่อแก๊ส/ท่อน้ำอย่างน้อย 10 ซม.
- ห่างจากฝ้าเพดานหรือพื้นอย่างน้อย 1 ซม.
- ห้ามเดินสายรวมกับท่อประปา
ค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟเข้า‑บ้าน
ค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟเข้า‑บ้านจะขึ้นอยู่กับขนาดของบ้าน จำนวนวงจร และประเภทสายไฟ โดยสามารถประเมินคร่าว ๆ ได้ดังนี้:
รายการ | รายละเอียด | ประมาณการค่าใช้จ่าย |
---|---|---|
สายไฟหลัก (NYY / THW / VCT) | ใช้เดินจากมิเตอร์ถึงตู้เมน และภายในบ้าน | 3,000 – 6,000 บาท |
อุปกรณ์ตู้เมน (ตู้, เบรกเกอร์, RCD/RCBO) | แยกวงจรไฟฟ้า | 3,000 – 8,000 บาท |
ค่าแรงช่างไฟฟ้า | ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความซับซ้อน | 4,000 – 10,000 บาท |
ค่าติดตั้งสายดิน | สายดิน, แท่งกราวด์ | 1,000 – 2,500 บาท |
วัสดุอุปกรณ์เสริม (ข้อต่อ, ปลั๊ก, สวิตช์) | ตามจำนวนจุดติดตั้ง | 1,000 – 3,000 บาท |
รวมโดยประมาณ | 12,000 – 29,000 บาท |
หมายเหตุ: ราคาจะแตกต่างตามพื้นที่ ขนาดบ้าน และคุณภาพของวัสดุที่เลือกใช้
ข้อควรระวังในการเดินสายไฟ
- ห้ามใช้สายไฟเก่าหรือสายที่ไม่มีมาตรฐาน
- อย่าต่อสายแบบไม่ถูกวิธี เช่น ใช้เทปพันอย่างเดียวโดยไม่ใช้ข้อต่อ
- ต้องมีช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบการเดินสายก่อนใช้งานจริง
- ควรมีระบบป้องกันไฟฟ้ารั่วในทุกวงจร
- หมั่นตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านทุก 1–2 ปี
เคล็ดลับเสริม
- แนะนำให้แยกวงจรไฟแอร์ออกจากวงจรปลั๊กและไฟส่องสว่าง เพื่อป้องกันโหลดเกิน
- ใช้หลอดไฟ LED เพื่อลดภาระของระบบไฟในบ้าน
- ติดตั้งปลั๊กไฟที่มีระบบป้องกันไฟกระชากสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- บ้านที่มีผู้สูงอายุควรติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติในห้องน้ำและครัว
สรุป
การเดินสายไฟเข้าบ้านควรทำโดยยึดตามมาตรฐานที่ถูกต้อง เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด การเลือกสายไฟที่เหมาะสม แยกวงจรให้ชัดเจน และติดตั้งระบบสายดินอย่างรัดกุม รวมถึงเตรียมงบประมาณล่วงหน้าไว้สำหรับค่าใช้จ่ายและค่ามือช่าง จะช่วยให้คุณมีบ้านที่ทั้งปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน