เสียงจากข้างห้องเป็นปัญหาที่ส่งผลให้หลายคนรู้สึกอึดอัด แต่รู้หรือไม่…ในทางกฎหมายมีเครื่องมือรองรับสิทธิของผู้อาศัยให้ดำเนินการได้ มีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา รวมถึงหน่วยงานรัฐที่คอยจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ บทความนี้จะอธิบายถึงสิทธิ ขั้นตอน และแนวทางปฏิบัติ เมื่อเจอเสียงรบกวนในบ้านหรือคอนโด พร้อมตัวอย่างจริงที่ช่วยให้เข้าถึงวิธีการแก้ปัญหาได้ครบถ้วน
สิทธิของคุณ เมื่อถูกเสียงรบกวนจากข้างห้อง
เมื่อข้างห้องส่งเสียงรบกวนมากเกินกว่าปกติ คุณมีสิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งในส่วนของการแพ่ง (เรียกร้องค่าสินไหม) และทางอาญา (ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายสุขภาพ)
ทางแพ่ง (เรียกค่าสินไหมทดแทน)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 420–421 การใช้เสียงโดยประมาทหรือจงใจให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย จัดเป็น “ละเมิด” ผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องขอค่าสินไหม ได้
ทางอาญา (ปรับ-จำคุกเล็กน้อย)
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 กล่าวไว้ว่า “ผู้ใดส่งเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควรจนคนอื่นตกใจหรือเดือดร้อน” มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตักเตือนได้ทันทีในกรณีเสียงดังโดยไม่มีสาเหตุ
หากการส่งเสียงเข้าเกณฑ์ “คุกคามต่อคนจำนวนมาก” ตามมาตรา 397 อาจมีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าทำในที่สาธารณะอาจโดนโทษหนักขึ้น (จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท)
กฎหมายสาธารณสุขกับเสียงรบกวนในบ้าน
พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 25–27 ถือว่าการส่งเสียงรบกวนจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือคุณภาพชีวิต เป็น “เหตุรำคาญ” ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้หยุด และดำเนินคดีหากยังฝ่าฝืน
หน่วยงานสำคัญ เช่น กรมควบคุมมลพิษ รับแจ้งเรื่องเสียงทางเบอร์ 1650 ตลอดจนสามารถแจ้งผ่านแอป Traffy Fondue หรือเจ้าหน้าที่เทศบาล/อำเภอได้เช่นกัน
เกณฑ์มาตรฐานระดับเสียงที่ควรรู้
กฎหมายกำหนดเกณฑ์เสียงในพื้นที่อยู่อาศัยไว้เพื่อเป็นแนวทางตักเตือนและดำเนินการ
- เสียงสูงสุดไม่เกิน 115 dB(A) ที่พรมแดนที่ดิน
- ค่าเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 70 dB(A)
- เสียงรำคาญ ต้องไม่เกิน +10 dB(A) จากพื้นเสียงเบื้องหลัง
- สถานบันเทิง-ร้านอาหาร มาตรฐานเสียงไม่เกิน 90–110 dB(A) ขึ้นกับโซน ซึ่งอาจรบกวนถ้าใกล้คอนโดหรือบ้าน
แนวทางจัดการเมื่อเสียงรบกวนเกิดขึ้น → ลำดับจากง่ายถึงจริงจัง
พูดคุยโดยตรงอย่างสุภาพ
พบข้างห้องในเวลาปกติ พูดชี้แจงว่าถูกเสียงดังรบกวน พร้อมตั้งเงื่อนไขเวลาชัดเจน
หากไม่สะดวกคนเดียว ควรเข้าหารือพร้อมนิติบุคคล ผู้ใหญ่บ้าน หรือเพื่อนบ้านช่วย
ใช้อุปกรณ์ช่วยลดเสียง
ลงทุนหูอุดเสียง เครื่องปรับเสียง หรือเครื่องกลบเสียงอย่างแฟนหรือทีวี ก็ช่วยหลีกเลี่ยงได้ในบางสถานการณ์
แจ้งนิติบุคคลหรือเจ้าของคอนโด/เจ้าของบ้าน
กรณีอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มีนิติบุคคล ขอให้ดำเนินการตามข้อบังคับ หากเสียงรบกวนเป็นประจำและส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย
แจ้งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
– ติดต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือเทศบาล/อำเภอ ให้เข้าตักเตือน
– แจ้ง ปคม. ผ่าน 1650 เพื่อให้มีการตรวจวัดเสียงอย่างเป็นทางการ
– แจ้งตำรวจ (191) เมื่อเสียงรบกวนเรื้อรังหรือเป็นช่วงสงบ เช่น กลางคืน
ดำเนินคดีทางแพ่ง
หากเสียงกระทบการใช้ชีวิตจนได้รับความเสียหาย (สุขภาพ สูญเสียโอกาส ฯลฯ) สามารถฟ้องขอค่าสินไหมได้ตาม ม. 420–421
ดำเนินคดีทางอาญา
หากเจ้าของเสียงฝ่าฝืนทั้งในอนาจาร–รำคาญอย่างสม่ำเสมอ สามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตาม ม. 370 หรือ ม. 397 พร้อมหลักฐานเสียง รูป วิดีโอ หรือพยานบุคคล
ตัวอย่างกรณีจริง
กรณีเปิดเพลงเสียงดังหลังเวลา 22.00 น. ตำรวจเข้าเตือน
ผู้ได้รับผลกระทบนำเสียงบันทึกช่วง 23.30 น. ส่งให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เจ้าของเสียงถูกปรับตาม ม.370 แม้เพียงหลักร้อย หลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจแล้วสรุปว่ามีความเดือดร้อนจริง
คอนโดเสียงจากเพื่อนบ้านแต่ตักเตือนยังไม่สนใจ
พบหลายคอมเมนต์ในพื้นที่ เช่น Pantip กว่า 6,000 ครั้ง โดยหากแจ้งนิติบุคคลแล้วตำรวจเข้ามาตักเตือนเป็นระยะ จะมีจุดเริ่มต้นจาก ม.370 ก่อนขยายเป็น ม.397 หากฝ่าฝืนอีกซ้ำ
ควรทำอะไร หากเสียงรบกวนไม่หยุด
- เก็บหลักฐาน วัน เวลา ความถี่ระดับเสียง รูป/วิดีโอ
- พูดคุยกับต้นเสียงอย่างสุภาพ บอกชัดว่าเสียงเข้าไปถึงผนังห้อง
- แจ้งนิติบุคคล / เจ้าของที่พัก และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
- ทำเรื่องกับ ปคม. ผ่าน 1650
- แจ้งตำรวจพร้อมหลักฐาน
- ใช้มาตรา 420–421 ฟ้องขอค่าเสียหาย + ม.370–397 ดำเนินคดีอาญาในท้ายที่สุด
ข้อแนะนำในการป้องกัน
- ก่อนเช่าคอนโดตรวจระบบกันเสียง (ค่า STC ≥50 dB)
- อ่านสัญญาเช่าให้เข้าใจเรื่อง Quiet Hours
- หลีกเลี่ยงย่านที่มีสถานบันเทิงเช่นผับหรือร้านอาหาร
- ลงทุนในฉนวนกันเสียงเมื่ออยู่ระยะยาว
บทสรุป
เมื่อเสียงจากข้างห้องรบกวนมากจนเกินไป คุณมีสิทธิ์ตามกฎหมายไทยทั้งด้านแพ่งและอาญา บทความนี้ช่วยสรุปตั้งแต่เครื่องมือเบื้องต้น จนถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นการเจรจาสันติเป็นก้าวแรกๆ และเตรียมหลักฐานให้ชัดเจนก่อนใช้หน่วยงานบ้านพักร่วมดำเนินคดี หากคุณพบปัญหาเรื่องเสียงจากข้างห้อง โปรดถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นภัยต่อคุณภาพชีวิตที่สามารถเรียกร้องได้ เพราะเสียงก็เป็น “ขยะที่ต้องถูกจัดการ” เช่นเดียวกับ มลพิษ ม๊ลพิษที่ก่อกวนสุขภาพและความเป็นอยู่ในหน้าที่ต่างๆ