ราคาประเมินที่ดิน vs ราคาประเมินธนาคาร ต่างกันอย่างไร?

ราคาประเมินที่ดิน vs ราคาประเมินธนาคาร

ในการซื้อขายบ้านหรือที่ดิน หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสับสนอยู่บ่อย ๆ ก็คือคำว่า ราคาประเมิน ซึ่งความจริงแล้วมีมากกว่าหนึ่งประเภท โดยเฉพาะ ราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ และ ราคาประเมินธนาคาร ที่มักถูกนำมาใช้อ้างอิงในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ราคาประเมินที่ดิน และ ราคาประเมินธนาคาร คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ใช้เมื่อไหร่ และมีผลต่อการซื้อขาย รวมถึงการกู้ยืมสินเชื่อบ้านหรือที่ดินอย่างไรบ้าง

ราคาประเมินที่ดินคืออะไร?

ความหมาย

ราคาประเมินที่ดิน คือราคาที่กรมธนารักษ์กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์กลางในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีธุรกิจเฉพาะ

การกำหนดราคา

  • กรมธนารักษ์จะมีการปรับปรุงราคาประเมินที่ดินทุก ๆ 4 ปี
  • พิจารณาจากทำเลที่ตั้ง การใช้ประโยชน์ที่ดิน สาธารณูปโภค และปัจจัยทางเศรษฐกิจ

จุดประสงค์หลัก

  • ใช้ในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม
  • ไม่ได้สะท้อนราคาตลาดจริง แต่ทำหน้าที่เป็น “ฐานภาษี”

ราคาประเมินธนาคารคืออะไร?

ความหมาย

ราคาประเมินธนาคาร คือราคาที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้ประเมินมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพิจารณาว่าจะปล่อยกู้วงเงินเท่าใดให้แก่ผู้กู้

วิธีการประเมิน

  • ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ประเมิน หรือใช้บริษัทประเมินราคาที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย
  • ใช้ข้อมูลเปรียบเทียบราคาตลาดจริงในพื้นที่
  • พิจารณาสภาพแวดล้อม สิ่งปลูกสร้าง ความสะดวกในการเดินทาง และศักยภาพของทำเล

จุดประสงค์หลัก

  • ใช้เป็นหลักประกันเงินกู้
  • กำหนดวงเงินสินเชื่อบ้านหรือที่ดิน

ความแตกต่างระหว่างราคาประเมินที่ดิน และราคาประเมินธนาคาร

แหล่งที่มา

  • ราคาประเมินที่ดิน: กำหนดโดยกรมธนารักษ์
  • ราคาประเมินธนาคาร: ประเมินโดยธนาคารหรือบริษัทประเมินอิสระ

การใช้งาน

  • ราคาประเมินที่ดิน: ใช้ในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม
  • ราคาประเมินธนาคาร: ใช้ประกอบการอนุมัติวงเงินกู้

ระดับราคา

  • ราคาประเมินที่ดิน: มักต่ำกว่าราคาตลาดจริง
  • ราคาประเมินธนาคาร: ใกล้เคียงกับราคาตลาด แต่บางครั้งอาจต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง เพื่อความปลอดภัยในการปล่อยกู้

ตัวอย่างการเปรียบเทียบ

สมมติคุณซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท

  • ราคาประเมินที่ดิน (กรมธนารักษ์): 2,500,000 บาท → ใช้คำนวณค่าโอนและภาษี
  • ราคาประเมินธนาคาร: 2,700,000 บาท → ธนาคารปล่อยกู้ 80–90% ของราคานี้ (เช่น 2,160,000 – 2,430,000 บาท)

ผลลัพธ์คือ ผู้กู้อาจต้องมีเงินดาวน์เพิ่มขึ้น เพื่อให้วงเงินกู้บวกกับเงินสดครอบคลุมราคาขายจริง

ทำไมราคาประเมินธนาคารมักไม่ตรงกับราคาซื้อขายจริง?

  • ธนาคารต้องการความปลอดภัยและลดความเสี่ยงหากลูกหนี้ผิดนัดชำระ
  • ราคาตลาดมีความผันผวน จึงไม่สามารถใช้ราคาซื้อขายจริงเพียงอย่างเดียว
  • บางทำเลราคาตลาดสูงเกินจริงจากการเก็งกำไร ธนาคารจะไม่ใช้ราคานั้นเป็นเกณฑ์เต็มจำนวน

ผลกระทบต่อผู้ซื้อและผู้ขาย

สำหรับผู้ซื้อ

  • หากราคาประเมินธนาคารต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง อาจกู้ได้ไม่เต็ม ต้องใช้เงินดาวน์เพิ่ม
  • ควรตรวจสอบวงเงินกู้เบื้องต้นก่อนตัดสินใจซื้อ

สำหรับผู้ขาย

  • ควรเข้าใจว่าผู้ซื้ออาจมีข้อจำกัดเรื่องการกู้ยืม
  • การตั้งราคาขายควรใกล้เคียงราคาตลาดจริง และไม่สูงเกินไปจนธนาคารประเมินต่ำ

เทคนิคจัดการความต่างของราคาประเมิน

  • ต่อรองราคา: ผู้ซื้อสามารถเจรจาให้ราคาขายใกล้เคียงราคาประเมินธนาคาร เพื่อลดภาระเงินดาวน์
  • วางเงินดาวน์เพิ่ม: ผู้ซื้อเตรียมเงินสดสำรองไว้ในกรณีที่ธนาคารปล่อยกู้ต่ำกว่าที่คาด
  • เปรียบเทียบหลายธนาคาร: แต่ละธนาคารอาจมีผลประเมินที่ต่างกันเล็กน้อย
  • ใช้หลักทรัพย์เพิ่มเติม: กรณีต้องการวงเงินสูงขึ้น สามารถใช้ที่ดินหรืออสังหาฯ อื่นค้ำประกันเพิ่มได้

สรุป

ราคาประเมินที่ดิน และ ราคาประเมินธนาคาร มีความแตกต่างกันทั้งจุดประสงค์และวิธีคำนวณ ราคาประเมินที่ดินมุ่งใช้เพื่อคำนวณภาษี ส่วนราคาประเมินธนาคารใช้สำหรับการปล่อยสินเชื่อ วงเงินกู้จึงอาจไม่เท่ากับราคาซื้อขายจริง

การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านหรือที่ดินวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้ขายสามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่สะดุดกลางทาง

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด