ยื่นภาษี 2568 ฉบับเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคลดหย่อนภาษีแบบมือโปร

ยื่นภาษี 2568

ทำไมต้องยื่นภาษี?

“การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” คือภาระหน้าที่ของผู้มีรายได้ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย เป็นทั้งกฎหมาย และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่รัฐบาลใช้เพื่อจัดสรรงบประมาณพัฒนาประเทศ โดยการยื่นภาษีในปี 2568 นี้ จะอ้างอิงจาก รายได้ที่คุณได้รับในปี 2567 ที่ผ่านมา

ใครที่ต้องยื่นภาษีในปี 2568?

ผู้มีรายได้ในปี 2567 ที่เข้าเกณฑ์ตามที่กรมสรรพากรกำหนดจะต้องยื่นภาษีในปี 2568 โดยพิจารณาจากประเภทของรายได้และสถานะสมรส

1. รายได้จากทางเดียว (เช่น มนุษย์เงินเดือน)

  • รายได้เกิน 120,000 บาท/ปี (โสด)
  • รายได้เกิน 220,000 บาท/ปี (สมรสแต่คู่สมรสไม่มีรายได้)

2. รายได้หลายทาง (เช่น เงินเดือน + ฟรีแลนซ์, ขายของออนไลน์)

  • รายได้รวมเกิน 60,000 บาท/ปี ต้องยื่นภาษี

3. กรณีพิเศษ

  • ชาวต่างชาติที่พำนักในไทยเกิน 180 วัน
  • ผู้ที่มีรายได้จากต่างประเทศแล้วนำมาใช้ในไทยภายในปีภาษีนั้น ต้องยื่นด้วย

ประเภทของรายได้ที่ต้องเสียภาษี

ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 รายได้แบ่งออกเป็น 8 ประเภท เช่น

  1. เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส
  2. ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ฟรีแลนซ์
  3. ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
  4. ค่าสิทธิ เช่น ค่าลิขสิทธิ์
  5. เงินได้จากการขายทรัพย์สิน
  6. เงินปันผล ดอกเบี้ย
  7. กำไรจากธุรกิจ
  8. รายได้อื่น ๆ ไม่เข้าข่ายข้างต้น

ช่องทางการยื่นภาษีปี 2568

  1. เว็บไซต์ e-Filing กรมสรรพากร
    https://efiling.rd.go.th
  2. แอปพลิเคชัน RD Smart Tax
    รองรับทั้ง Android และ iOS
  3. สำนักงานสรรพากรพื้นที่
    สำหรับผู้ต้องการยื่นแบบกระดาษ

กำหนดยื่นภาษี 2568

  • ยื่นออนไลน์: 1 มกราคม – 8 เมษายน 2568
  • ยื่นแบบกระดาษ: 1 มกราคม – 29 มีนาคม 2568

หากมีการขยายเวลาในกรณีพิเศษ กรมสรรพากรจะประกาศเพิ่มเติม

เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม

  • แบบฟอร์ม 50 ทวิ (หนังสือรับรองเงินเดือน)
  • หลักฐานหัก ณ ที่จ่าย (สำหรับฟรีแลนซ์/เจ้าของธุรกิจ)
  • เอกสารลดหย่อนภาษี เช่น
    • ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต / สุขภาพ
    • ดอกเบี้ยบ้าน
    • ใบบริจาค
    • หลักฐานลงทุน RMF / SSF
    • หลักฐานค่าเลี้ยงดูบุตร / พ่อแม่

เทคนิคลดหย่อนภาษี 2568 ให้คุ้มที่สุด

ในปี 2568 คุณยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนต่าง ๆ เพื่อลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระลงได้ เช่น:

1. ลดหย่อนทั่วไป

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  • คู่สมรสไม่มีรายได้ 60,000 บาท
  • บุตรคนแรก 30,000 บาท
    บุตรคนที่สองขึ้นไป 60,000 บาท/คน

2. เบี้ยประกัน

  • ประกันชีวิต สูงสุด 100,000 บาท
  • ประกันสุขภาพตนเอง สูงสุด 25,000 บาท
  • ประกันสุขภาพพ่อแม่ สูงสุด 15,000 บาท

3. กองทุน

  • RMF/SSF รวมกันสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
    (ภายใต้เงื่อนไขไม่เกิน 30% ของรายได้)

4. ดอกเบี้ยบ้าน

  • ลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านได้ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี

5. เงินบริจาค

  • บริจาคให้การศึกษา/สาธารณกุศล หักได้ 2 เท่า (ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อน)

ภาษีคืน หรือ ภาษีเพิ่ม?

หลังยื่นภาษี กรมสรรพากรจะประมวลผลว่า:

  • ถ้าคุณถูกหักภาษีเกิน จากที่ควรเสีย → ขอคืนภาษีได้
  • ถ้าคุณจ่ายภาษีไม่พอ → ต้องชำระภาษีเพิ่ม (สามารถแบ่งจ่ายได้ 3 งวด)

การคืนภาษี: ใช้เวลาประมาณ 2–4 สัปดาห์ หากระบุบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน

อย่ารอให้ถึงวันสุดท้าย

การยื่นภาษีเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของร้านค้า หรือฟรีแลนซ์ การวางแผนและเตรียมเอกสารล่วงหน้า จะช่วยให้คุณ:

  • เสียภาษีน้อยลง
  • ไม่โดนปรับ
  • ได้ภาษีคืนไวขึ้น

อย่ารอจนถึงวันสุดท้าย เพราะปัญหาที่พบบ่อยคือระบบล่ม เอกสารไม่ครบ หรือคำนวณผิดพลาด

Share the Post: