การเป็นเจ้าของบ้านไม่ได้หมายความว่าเราจะมีเพียงค่าใช้จ่ายในการผ่อนธนาคารหรือค่าบำรุงรักษาเท่านั้น แต่ยังมีเรื่อง “ภาษีบ้าน” ที่เจ้าของบ้านทุกคนควรทำความเข้าใจ เพราะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและที่ดิน หากละเลยอาจนำไปสู่ค่าปรับและดอกเบี้ยที่ไม่คาดคิด
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักภาษีบ้าน ตั้งแต่ความหมาย ผู้ที่ต้องจ่าย วิธีการคำนวณ การยกเว้น ไปจนถึงข้อควรระวังที่เจ้าของบ้านทุกคนไม่ควรมองข้าม
ภาษีบ้าน คืออะไร?
“ภาษีบ้าน” หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่เก็บจากผู้ครอบครองหรือเป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท้องถิ่นนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ
ใครต้องเสียภาษีบ้านบ้าง?
- เจ้าของบ้านที่อยู่อาศัย
- ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน
- แม้ว่าจะสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองก็ยังต้องเสีย
- ผู้ที่ถือครองบ้านปล่อยเช่า
- เช่น อพาร์ตเมนต์ หอพัก หรือบ้านให้เช่า
- จะถูกจัดเก็บในอัตราที่สูงกว่าการอยู่อาศัยเอง
- ผู้ที่มีบ้านร้างหรือไม่ได้ใช้งาน
- จะถูกจัดเก็บในอัตราสูง เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน
วิธีการคำนวณภาษีบ้าน
ภาษีบ้านคิดตาม มูลค่าประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของกรมธนารักษ์ โดยใช้อัตราภาษีตามประเภทการใช้ประโยชน์ เช่น
- บ้านอยู่อาศัยเอง
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
- ส่วนที่เกินจะถูกจัดเก็บตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
- บ้านปล่อยเช่า / เชิงพาณิชย์
- จัดเก็บในอัตราสูงกว่าการอยู่อาศัยเอง
- บ้านร้าง
- อัตราภาษีจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้นาน
กำหนดเวลาการชำระภาษีบ้าน
- หน่วยงานท้องถิ่นจะส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีให้เจ้าของบ้านภายใน กุมภาพันธ์ของทุกปี
- ผู้เสียภาษีต้องชำระภายใน เมษายน ของปีนั้น
- หากไม่ชำระตามกำหนด จะมีค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่ม
การยกเว้นและลดหย่อนภาษีบ้าน
- บ้านที่เจ้าของใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีมูลค่าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ได้รับการยกเว้นภาษี
- กรณีเป็นมรดกที่ได้รับโอนใหม่ จะมีระยะเวลาผ่อนผันในการจัดเก็บ
- บางท้องถิ่นมีมาตรการลดหย่อนพิเศษเพื่อบรรเทาภาระประชาชน
ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีบ้าน
- ไม่รู้ว่าต้องเสีย
หลายคนคิดว่าซื้อบ้านแล้วจ่ายเพียงค่าผ่อนธนาคารก็พอ ทำให้ลืมเรื่องภาษีบ้าน - ค้างชำระภาษี
หากละเลย อาจถูกเรียกเก็บค่าปรับสูงถึง 40% ของภาษีที่ค้าง - มูลค่าประเมินสูงเกินจริง
บางกรณีเจ้าของบ้านเห็นว่ามูลค่าประเมินไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง สามารถยื่นอุทธรณ์ได้
คำแนะนำสำหรับเจ้าของบ้าน
- ตรวจสอบมูลค่าประเมินทรัพย์สินของตนเองทุกปี
- จัดเตรียมเงินสำรองสำหรับภาษีบ้านแยกจากค่าใช้จ่ายประจำ
- หากไม่แน่ใจเรื่องอัตราภาษี ให้ปรึกษาสำนักงานเขตหรือเทศบาล
- พิจารณาการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน เพื่อเลือกวิธีเสียภาษีที่เหมาะสม
สรุป
“ภาษีบ้าน” เป็นหน้าที่ทางกฎหมายที่เจ้าของบ้านทุกคนไม่ควรละเลย เพราะเกี่ยวข้องกับมูลค่าทรัพย์สินและการใช้ประโยชน์ หากเข้าใจหลักการจัดเก็บภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้วางแผนการเงินได้ดีขึ้น และหลีกเลี่ยงปัญหาการค้างชำระหรือค่าปรับที่ไม่จำเป็น
ดังนั้น หากคุณเป็นเจ้าของบ้านหรือกำลังจะซื้อบ้านใหม่ ควรทำความเข้าใจภาษีบ้านตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันภาระทางการเงินในอนาคต และเพื่อเป็นเจ้าของบ้านที่ปฏิบัติหน้าที่พลเมืองได้อย่างถูกต้อง