Pre-Approve คืออะไร? รู้ก่อน กู้ผ่านไว ไม่เสียเวลา

Pre-Approve คือ

หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อบ้าน คอนโด หรืออสังหาริมทรัพย์สักแห่ง “การขอสินเชื่อ” มักเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะหากคุณไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายทั้งก้อน การยื่นกู้สินเชื่อจึงกลายเป็นเรื่องที่ควรเตรียมตัวอย่างรอบคอบ และคำหนึ่งที่มักได้ยินในกระบวนการนี้ก็คือ “Pre-Approve” หรือการประเมินเบื้องต้นก่อนยื่นกู้จริง

แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า “Pre-Approve คืออะไร” มีประโยชน์อย่างไร และควรทำหรือไม่ในกระบวนการกู้ซื้อบ้าน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างละเอียด

Pre-Approve คืออะไร?

Pre-Approve (ชื่อเต็ม: Pre-Approval) คือกระบวนการที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินทำการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้เบื้องต้น เช่น รายได้ ภาระหนี้ เครดิตบูโร และหลักฐานทางการเงินอื่น ๆ เพื่อประเมินว่า หากผู้กู้ยื่นขอกู้จริงในอนาคต จะสามารถผ่านการอนุมัติวงเงินกู้ได้หรือไม่ และได้วงเงินเท่าไหร่

พูดง่าย ๆ คือ Pre-Approve เป็นการ “ประเมินความสามารถในการกู้เงินล่วงหน้า” โดยที่คุณยังไม่ได้เลือกซื้อบ้านหรือทำสัญญาใด ๆ กับโครงการหรือเจ้าของบ้าน

Pre-Approve ต่างจากการยื่นกู้จริงอย่างไร

หัวข้อPre-Approveยื่นกู้จริง
วัตถุประสงค์ประเมินความสามารถในการกู้ขอกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์สินจริง
ต้องมีหลักประกันไหม?ไม่จำเป็นต้องระบุบ้าน/ทรัพย์สินที่ซื้อแน่นอน
ตรวจเครดิตบูโรหรือไม่ใช่ใช่
ใช้เวลาประมาณ 3-7 วันประมาณ 7-14 วัน
ได้รับเงินเลยไหม?ไม่ได้รับหลังอนุมัติและทำสัญญา

ข้อดีของการทำ Pre-Approve

  1. รู้วงเงินที่สามารถกู้ได้ล่วงหน้า
    ทำให้สามารถวางแผนการเลือกซื้อบ้านได้ตามงบที่เหมาะสม ไม่ต้องไปดูบ้านราคาเกินความสามารถทางการเงิน
  2. เพิ่มโอกาสในการต่อรองกับเจ้าของบ้านหรือโครงการ
    การมีเอกสาร Pre-Approve แสดงว่าคุณมีศักยภาพในการซื้อจริง เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขาย
  3. ประหยัดเวลาและลดความเสี่ยง
    ไม่ต้องเสียเวลาหาบ้านแล้วค่อยมาทราบทีหลังว่ายื่นกู้ไม่ผ่าน
  4. เตรียมตัวก่อนยื่นจริงได้ดีกว่า
    หากพบปัญหาจากเครดิตบูโร หรือภาระหนี้สูงเกินไป คุณจะมีโอกาสได้แก้ไขก่อนยื่นจริง

ใครบ้างที่ควรทำ Pre-Approve?

  • ผู้ที่วางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า
  • ผู้ที่ไม่แน่ใจว่ารายได้หรือเครดิตของตนเพียงพอในการกู้
  • ฟรีแลนซ์ พนักงานใหม่ หรือคนที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่มีหนี้เดิม เช่น ผ่อนรถ บัตรเครดิต ฯลฯ

เอกสารที่ต้องใช้ในการ Pre-Approve

แม้จะเป็นการประเมินเบื้องต้น แต่ก็ต้องใช้เอกสารคล้ายกับการยื่นกู้จริง ได้แก่:

  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
  • สลิปเงินเดือนล่าสุด 3 เดือน หรือ Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • เอกสารรายได้อื่น ๆ (ถ้ามี)
  • เอกสารหนี้เดิม เช่น สำเนาสัญญาผ่อนรถ บัตรเครดิต ฯลฯ

ขั้นตอนการขอ Pre-Approve

  1. เลือกธนาคารที่สนใจ
    ควรเลือกมากกว่า 1 ธนาคารเพื่อเปรียบเทียบ
  2. เตรียมเอกสารให้พร้อม
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
  3. ยื่นเรื่องต่อธนาคาร
    สามารถยื่นที่สาขา หรือผ่านช่องทางออนไลน์ได้ในหลายธนาคาร
  4. รอผลประเมินเบื้องต้น
    ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตและประเมินความสามารถในการกู้
  5. รับหนังสือรับรองวงเงิน (ถ้าผ่าน)
    เอกสารนี้สามารถนำไปยื่นกับโครงการหรือใช้ประกอบการขอสินเชื่อจริงได้

ข้อควรระวังในการทำ Pre-Approve

  • ผลการ Pre-Approve ไม่ใช่การอนุมัติสินเชื่อจริง
    ธนาคารอาจเปลี่ยนใจหากภายหลังพบปัจจัยที่มีผลต่อเครดิตของคุณ เช่น หนี้ใหม่ หรือรายได้ลดลง
  • ผลมีอายุจำกัด
    โดยทั่วไปจะมีอายุประมาณ 3 เดือน
  • ยื่นหลายธนาคาร = ตรวจเครดิตหลายครั้ง
    อาจมีผลต่อคะแนนเครดิตได้หากยื่นพร้อมกันหลายแห่ง

เคล็ดลับเพิ่มโอกาส Pre-Approve ผ่าน

  1. ลดภาระหนี้ก่อนยื่น
    ถ้ามีบัตรเครดิต ผ่อนของ หรือหนี้อื่น ควรปิดหรือผ่อนให้น้อยที่สุดก่อน
  2. จัดเตรียมรายได้ให้ชัดเจน
    โดยเฉพาะกลุ่มฟรีแลนซ์ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ
  3. ไม่ควรมีเครดิตเสียในเครดิตบูโร
    หมั่นตรวจเครดิตของตนล่วงหน้าก่อนยื่น (สามารถตรวจผ่านแอปหรือเว็บไซต์เครดิตบูโรได้)
  4. อย่าเปลี่ยนงานก่อนขอยื่นกู้
    โดยเฉพาะภายใน 6 เดือนก่อนขอ Pre-Approve

สรุป: Pre-Approve คือด่านแรกของการกู้ซื้อบ้านที่ไม่ควรมองข้าม

การทำ Pre-Approve ช่วยให้คุณรู้สถานะทางการเงินของตัวเองก่อนการตัดสินใจซื้อบ้านจริง ลดความเสี่ยงในการกู้ไม่ผ่านกลางทาง และช่วยให้คุณวางแผนอย่างมั่นใจ หากคุณจริงจังกับการซื้อบ้านสักหลัง การทำ Pre-Approve จึงถือเป็นก้าวแรกที่ชาญฉลาดและควรทำอย่างยิ่ง

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด