ในโลกที่การเงินหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน “สินเชื่อ OD” หรือวงเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น เป็นสินเชื่อที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็แฝงไปด้วยความเสี่ยงหากไม่เข้าใจโครงสร้างและการบริหารจัดการให้ดีพอ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักสินเชื่อ OD อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้ง ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้งาน เพื่อช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
สินเชื่อ OD คืออะไร?
Overdraft (OD) คือ วงเงินสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติให้เจ้าของบัญชีสามารถเบิกเงินเกินยอดเงินคงเหลือในบัญชีของตนได้ โดยวงเงินดังกล่าวจะถูกผูกกับบัญชีกระแสรายวัน (หรือบางกรณีอาจเป็นบัญชีออมทรัพย์) และใช้เบิกผ่านเช็ค การโอนเงิน หรือบัตรเอทีเอ็ม
เช่น หากคุณมีเงินในบัญชี 10,000 บาท และได้รับอนุมัติวงเงิน OD ที่ 100,000 บาท คุณสามารถถอนเงินได้สูงสุดถึง 110,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000 บาทจะถือเป็นเงินกู้ OD และถูกคิดดอกเบี้ย
จุดเด่นของสินเชื่อ OD
- ยืดหยุ่นสูง: ใช้ได้ทุกเวลาเมื่อจำเป็น ไม่ต้องยื่นเรื่องใหม่ทุกครั้งเหมือนสินเชื่อทั่วไป
- คิดดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ใช้จริง: หากไม่เบิก ไม่เสียดอกเบี้ย
- เหมาะกับธุรกิจและบุคคลที่มีรายได้ไม่แน่นอน
- คืนวงเงินเมื่อไรก็ได้: หากคุณมีเงินเข้าในบัญชี วงเงินที่ถูกเบิกจะถูกหักอัตโนมัติและลดดอกเบี้ยทันที
ข้อควรรู้ก่อนใช้ OD
1. ดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อปกติ
แม้จะคิดเฉพาะยอดที่ใช้จริง แต่ดอกเบี้ยของ OD มักจะอยู่ในช่วง 7–15% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าสินเชื่อประเภทผ่อนระยะยาว ดังนั้น การใช้ OD เพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวถือว่าเหมาะสม แต่ถ้าใช้ OD เพื่อหมุนหนี้ระยะยาว จะทำให้เสียดอกเบี้ยมากโดยไม่จำเป็น
2. ต้องมีวินัยในการใช้เงิน
OD เหมือนมี “เครดิตสำรอง” ที่คุณสามารถใช้ได้ทันที แต่หากใช้โดยไม่มีแผน เช่น เบิกเต็มวงเงินโดยไม่สามารถคืนได้ในเวลาอันสั้น จะกลายเป็นภาระดอกเบี้ย และทำให้เครดิตของคุณเสีย
3. ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับอนุมัติ
การขอวงเงิน OD ไม่ใช่ว่าจะได้ง่าย ๆ ผู้ขอจะต้องมีเอกสารแสดงความสามารถในการชำระหนี้ รายได้ที่มั่นคง หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น ที่ดิน หรือบัญชีเงินฝากประจำ
เอกสารที่ใช้ขอสินเชื่อ OD
- สำเนาบัตรประชาชน / หนังสือรับรองนิติบุคคล
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement)
- หลักฐานรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้
- หลักทรัพย์ค้ำประกัน (ถ้ามี)
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ายื่นผ่านตัวแทน)
กลุ่มที่เหมาะกับการใช้ OD
1. เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SME)
OD เหมาะกับธุรกิจที่ต้องหมุนเงินจ่ายค่าแรง ค่าวัตถุดิบ หรือค่าสินค้า ในช่วงที่ยังรอเงินจากลูกค้าเข้าบัญชี
2. ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์
ผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน อาจใช้ OD เพื่อรักษาสภาพคล่อง เช่น จ่ายค่าใช้จ่ายประจำในช่วงที่ยังไม่มีรายรับเข้า
3. บุคคลทั่วไปที่มีวินัยการเงิน
สำหรับคนที่ต้องการ “เงินสำรองฉุกเฉิน” OD ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หากใช้ด้วยความระมัดระวังและไม่เบิกเกินความจำเป็น
วิธีใช้ OD อย่างปลอดภัย
วางแผนเบิกใช้
ก่อนเบิก OD ควรประเมินว่าจำเป็นหรือไม่ ใช้เท่าไหร่ และสามารถชำระคืนเมื่อไหร่ ไม่ควรใช้ OD เหมือนเงินใช้จ่ายประจำวัน
คืนเงินให้เร็วที่สุด
หากมีเงินเข้า ควรรีบชำระคืน OD เพื่อลดภาระดอกเบี้ย เพราะระบบจะคิดดอกเบี้ยรายวัน
อย่าใช้เต็มวงเงินเป็นเวลานาน
การใช้ OD เต็มวงเงินติดต่อกันนานเกิน 30–60 วัน อาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต และธนาคารอาจพิจารณาปรับลดวงเงิน
เปรียบเทียบ OD กับสินเชื่อประเภทอื่น
ประเภท | OD (Overdraft) | สินเชื่อบุคคล | สินเชื่อธุรกิจหมุนเวียน |
---|---|---|---|
วงเงิน | เบิกได้ตามที่อนุมัติ | ได้รับเต็มจำนวน | ได้รับตามสัญญา |
ดอกเบี้ย | คิดรายวัน, สูงกว่าเล็กน้อย | คิดเป็นงวด, คงที่ | คิดตามรอบบัญชี |
การใช้งาน | ยืดหยุ่น ใช้ได้เรื่อย ๆ | ผ่อนรายเดือน | เบิกจ่ายเป็นงวด |
เหมาะกับ | คนต้องการเงินสำรอง | คนต้องการก้อนใหญ่ | ธุรกิจที่ต้องการหมุนเงิน |
ข้อควรระวังอื่น ๆ
- มีค่าธรรมเนียมบางกรณี เช่น ค่าธรรมเนียมรักษาวงเงิน (Facility Fee) หรือค่าอากรแสตมป์ในบางธนาคาร
- ควรอ่านสัญญาให้ละเอียด วงเงิน OD บางกรณีอาจมีเงื่อนไขเรียกคืนได้ทันที หากธนาคารเห็นว่าผู้ใช้มีความเสี่ยง
- การใช้ OD อย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อการขอสินเชื่ออื่นในอนาคต หากไม่บริหารอย่างรอบคอบ
ตัวอย่างสถานการณ์การใช้ OD
กรณี 1: เจ้าของกิจการ
คุณสมชายเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้า ต้องจ่ายค่าวัตถุดิบทุกต้นเดือน แต่ลูกค้าจ่ายเงินปลายเดือน เขาใช้วงเงิน OD 300,000 บาท จากธนาคารเพื่อจ่ายวัตถุดิบล่วงหน้า แล้วชำระคืนเมื่อเงินจากลูกค้าเข้ามาในวันที่ 25 ของเดือน เขาเสียดอกเบี้ยเพียง 20 วัน และไม่ต้องขอสินเชื่อใหม่ทุกเดือน
กรณี 2: พนักงานประจำ
คุณนิตยา เป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำ แต่มีเหตุฉุกเฉินต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล จึงใช้วงเงิน OD เบิกเงินออกมา 50,000 บาท เมื่อเงินเดือนเข้า ระบบก็หักยอดใช้ OD โดยอัตโนมัติ ทำให้เธอไม่เสียค่าปรับล่าชำระ และสามารถกลับมาใช้วงเงินได้ใหม่ในเดือนถัดไป
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- ใช้ OD เมื่อจำเป็นเท่านั้น
- บริหารวงเงินอย่างมีวินัย
- ถ้าต้องใช้เงินก้อนใหญ่และนาน ให้พิจารณาเป็นสินเชื่อแบบผ่อน
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคารก่อนสมัคร
- ถ้าหยุดใช้ OD ควรแจ้งธนาคารปิดวงเงินเพื่อเลี่ยงค่าธรรมเนียม
สรุป
สินเชื่อ OD เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลัง หากใช้อย่างถูกต้อง ให้คุณเข้าถึงเงินสำรองได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องยุ่งยาก แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นดาบสองคมได้ หากขาดวินัยและความเข้าใจ
การวางแผนทางการเงินที่ดี คือกุญแจสู่การใช้ OD อย่างชาญฉลาด ใช้เท่าที่จำเป็น คืนเงินเร็ว และหมั่นตรวจสอบสถานะบัญชีของคุณเสมอ จะทำให้วงเงิน OD เป็นผู้ช่วยที่ดี มากกว่าเป็นภาระในอนาคต