NPL คืออะไร? เข้าใจ “หนี้เสีย” ที่กระทบเศรษฐกิจและระบบการเงิน

NPL คืออะไร

ในโลกของการเงิน คำว่า “NPL” มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลามีข่าวเศรษฐกิจชะลอตัว หรือธนาคารมีกำไรลดลง
NPL คือหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่บอกถึง “คุณภาพของสินเชื่อ” และ “สุขภาพทางการเงิน” ของระบบธนาคารโดยรวม

🏦 NPL คืออะไร?

NPL (Non-Performing Loan) หมายถึง

หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ “หนี้เสีย”

คือ สินเชื่อที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระเกินกว่า 90 วัน (3 เดือน)
ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน รถยนต์ หรือสินเชื่อธุรกิจ

เมื่อถึงจุดนี้ ธนาคารจะจัดสินเชื่อนั้นเป็น NPL เพราะไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้นตามกำหนด

💼 ประเภทของ NPL

  1. หนี้ค้างชำระชั่วคราว (Substandard Loan)
    • ลูกหนี้ผิดนัด 3–6 เดือน
    • ยังมีโอกาสปรับโครงสร้างหนี้ได้
  2. หนี้ค้างชำระนาน (Doubtful Loan)
    • ผิดนัดชำระเกิน 6 เดือน
    • ธนาคารเริ่มตั้งสำรองหนี้สูญ
  3. หนี้สูญ (Loss Loan)
    • ผิดนัดเกิน 1 ปี
    • โอกาสเรียกคืนต่ำ ต้องตัดออกจากบัญชี

📊 ตัวอย่าง NPL ในชีวิตจริง

  • สินเชื่อบ้าน: ผู้กู้หยุดจ่ายค่างวดเกิน 3 เดือน ธนาคารจะถือว่าเป็น NPL และอาจดำเนินการยึดทรัพย์
  • สินเชื่อรถยนต์: ค้างชำระเกิน 90 วัน รถอาจถูกยึดและขายทอดตลาด
  • บัตรเครดิต: หากไม่จ่ายขั้นต่ำติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป จะเข้าสู่สถานะ NPL

💣 สาเหตุที่ทำให้เกิด NPL

  1. ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
    • รายได้ของประชาชนและธุรกิจลดลง
    • ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง
  2. การปล่อยสินเชื่อโดยไม่ตรวจสอบคุณภาพลูกหนี้
    • บางธนาคารเร่งปล่อยกู้มากเกินไปเพื่อขยายตลาด
  3. การบริหารหนี้ส่วนบุคคลไม่ดี
    • ใช้จ่ายเกินตัว หรือก่อหนี้หลายทางจนไม่สามารถจ่ายไหว
  4. เหตุสุดวิสัย
    • เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือการตกงานกะทันหัน

📉 ผลกระทบของ NPL

🏦 ต่อธนาคาร

  • รายได้ดอกเบี้ยลดลง
  • ต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่ม
  • ความสามารถในการปล่อยกู้ใหม่ลดลง

👨‍💼 ต่อผู้กู้

  • ถูกบันทึกประวัติในเครดิตบูโร
  • ถูกเรียกคืนหนี้หรือยึดทรัพย์
  • เสียโอกาสกู้เงินในอนาคต

💰 ต่อระบบเศรษฐกิจ

  • หาก NPL สูงเกินไป จะกระทบเสถียรภาพของระบบการเงิน
  • ทำให้ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
  • ส่งผลให้การหมุนเวียนของเงินในระบบชะลอตัว

🔧 วิธีจัดการและลดปัญหา NPL

1. ปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructuring)

  • ธนาคารอาจยืดระยะเวลาผ่อน หรือปรับอัตราดอกเบี้ย
  • เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระต่อได้

2. ขายหนี้ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)

  • เช่น บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (BAM)
  • เพื่อบริหารจัดการหนี้และเรียกคืนมูลค่าบางส่วน

3. ตั้งสำรองหนี้สูญ (Provision)

  • ธนาคารกันเงินไว้เพื่อรองรับความเสียหายจากหนี้เสีย

4. ส่งเสริมความรู้ทางการเงิน

  • เพื่อให้ประชาชนรู้จักวางแผนการเงินและกู้เงินอย่างเหมาะสม

📈 ตัวชี้วัด NPL ที่ควรรู้

อัตราหนี้เสีย (NPL Ratio)

= (ยอดหนี้ NPL ÷ ยอดสินเชื่อรวมทั้งหมด) × 100

โดยทั่วไป ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้สถาบันการเงินรักษาอัตรา NPL ไม่เกิน 3–5% ของสินเชื่อรวม

หากเกินกว่านี้ แสดงว่าระบบสินเชื่อเริ่มมีความเสี่ยง

💡 เคล็ดลับป้องกันไม่ให้เป็น NPL

  1. กู้เท่าที่จำเป็น และเลือกผ่อนให้เหมาะกับรายได้
  2. ชำระตรงเวลา และอย่าขาดการติดต่อกับเจ้าหนี้
  3. หากเริ่มจ่ายไม่ไหว ควรรีบเจรจาปรับโครงสร้างหนี้
  4. สำรองเงินฉุกเฉินอย่างน้อย 3–6 เดือนของรายจ่าย

📚 สรุป

NPL คือ “หนี้เสีย” ที่เกิดจากการผิดนัดชำระเกิน 90 วัน ซึ่งกระทบทั้งผู้กู้ ธนาคาร และเศรษฐกิจโดยรวม
การรู้จักบริหารหนี้อย่างมีวินัยและติดตามสถานะทางการเงินของตัวเองอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็น “ลูกหนี้ NPL” ได้

“หนี้ที่บริหารได้ คือหนี้ที่สร้างอนาคต แต่หนี้ที่ปล่อยไว้ คือหนี้ที่ทำลายอนาคต” 💡

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด