MRTA คืออะไร? ทำไมผู้กู้ซื้อบ้านควรรู้จัก ประโยชน์ และสิ่งที่ต้องพิจารณา

MRTA คืออะไร

หลายคนที่กู้ซื้อบ้านอาจเคยได้ยินคำว่า MRTA จากเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือเห็นเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของสัญญากู้บ้าน ซึ่งอาจทำให้สงสัยว่า MRTA คืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) ไม่ได้เป็นเพียงข้อเสนอของธนาคาร แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้กู้และครอบครัวว่า หากเกิดเหตุไม่คาดคิด หนี้สินบ้านจะไม่ตกเป็นภาระของคนที่คุณรัก

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า MRTA คืออะไร ครอบคลุมถึงความหมาย ประโยชน์ เงื่อนไข ค่าใช้จ่าย ข้อควรระวัง และการเปรียบเทียบกับประกันรูปแบบอื่นๆ

MRTA คืออะไร?

MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) คือ ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรก่อนผ่อนบ้านหมด บริษัทประกันจะชำระหนี้ที่เหลือแทน ทำให้ครอบครัวไม่ต้องรับภาระหนี้สิน

สรุปง่ายๆ คือ MRTA = ประกันชีวิตสำหรับเงินกู้บ้าน

ความสำคัญของ MRTA

  1. คุ้มครองครอบครัว – หากเกิดเหตุไม่คาดคิด ครอบครัวไม่ต้องผ่อนหนี้บ้านต่อ
  2. สร้างความมั่นใจให้ธนาคาร – ธนาคารมั่นใจว่าหนี้จะได้รับชำระ แม้ผู้กู้ไม่สามารถผ่อนต่อได้
  3. ลดความเสี่ยงทางการเงิน – บ้านเป็นทรัพย์สินใหญ่ที่สุดของครอบครัว MRTA ช่วยปกป้องจากการสูญเสียบ้าน

ระยะเวลาความคุ้มครอง MRTA

  • โดยทั่วไป 5, 10, 15 หรือ 20 ปี
  • ครอบคลุมเฉพาะช่วงที่ทำประกัน ไม่ใช่ตลอดอายุสัญญากู้เสมอไป
  • หากกู้บ้าน 30 ปี อาจเลือกทำ MRTA 10 ปี ซึ่งคุ้มครองเฉพาะช่วงแรก

ค่าเบี้ยประกัน MRTA

ค่าเบี้ย MRTA จ่ายครั้งเดียว ณ วันทำสัญญา ขึ้นอยู่กับ

  • วงเงินกู้ – ยิ่งกู้มาก เบี้ยยิ่งสูง
  • อายุผู้กู้ – อายุยิ่งมาก ค่าเบี้ยยิ่งแพง
  • ระยะเวลาคุ้มครอง – เลือกคุ้มครองนาน ค่าเบี้ยก็สูงขึ้น

ตัวอย่างโดยประมาณ

  • กู้ 2,000,000 บาท อายุ 30 ปี ทำ MRTA คุ้มครอง 20 ปี → เบี้ยอาจอยู่ราว 100,000–200,000 บาท
  • ธนาคารบางแห่งอนุญาตให้บวกเบี้ย MRTA เข้ากับยอดกู้รวมได้ ไม่ต้องจ่ายก้อนเดียว

ข้อดีของ MRTA

  1. ปกป้องครอบครัวจากภาระหนี้
  2. บ้านเป็นของครอบครัวทันทีหากเกิดเหตุ
  3. สร้างความมั่นใจในการกู้ – บางธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษหากซื้อ MRTA
  4. ลดความเสี่ยงธนาคาร – ทำให้โอกาสอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น

ข้อเสียหรือข้อควรระวังของ MRTA

  1. ค่าเบี้ยสูง – ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่แรก
  2. คุ้มครองเฉพาะหนี้บ้าน – ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่นของครอบครัว
  3. ไม่คืนเงิน – หากผ่อนหมดก่อนกำหนดหรือยกเลิกสัญญา จะไม่ได้รับเงินคืน
  4. คุ้มครองตามสัญญาเท่านั้น – ถ้าเลือกทำ 10 ปี แต่กู้ 30 ปี หลังครบ 10 ปีแรกจะไม่มีคุ้มครองต่อ

MRTA vs ประกันชีวิตทั่วไป

ประเภทMRTAประกันชีวิตทั่วไป
วัตถุประสงค์คุ้มครองหนี้บ้านคุ้มครองชีวิตทั่วไป
ระยะเวลา5–20 ปีเลือกได้ตามแผน
เบี้ยประกันจ่ายครั้งเดียวจ่ายรายเดือน/รายปี
ผลประโยชน์ชำระหนี้บ้านที่เหลือจ่ายเงินก้อนให้ครอบครัว
ความยืดหยุ่นจำกัดตามสัญญากู้ยืดหยุ่นตามแผนประกัน

MRTA จำเป็นต้องทำไหม?

  • ไม่บังคับตามกฎหมาย แต่บางธนาคารอาจเสนอเป็นเงื่อนไขควบคู่กับสินเชื่อ
  • หากไม่ทำ MRTA อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น
  • หากครอบครัวมีประกันชีวิตอื่นอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องทำ MRTA

วิธีเลือก MRTA ให้คุ้มค่า

  1. เปรียบเทียบหลายบริษัทประกัน – ไม่จำเป็นต้องซื้อกับธนาคารที่ปล่อยกู้เสมอไป
  2. เลือกความคุ้มครองให้พอดี – หากกู้ 3 ล้านบาท อาจทำ MRTA แค่ 2 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้ประกันชีวิตอื่นคุ้มครอง
  3. ตรวจสอบเงื่อนไขสัญญา – เช่น คุ้มครองกรณีทุพพลภาพถาวรหรือไม่
  4. วางแผนการเงิน – หากไม่พร้อมจ่ายเบี้ยก้อนใหญ่ อาจเลือกประกันชีวิตแบบรายปีแทน

ตัวอย่างสถานการณ์จริง

  • กรณีทำ MRTA: นายเอกู้บ้าน 2 ล้านบาท ทำ MRTA คุ้มครอง 20 ปี หากเขาเสียชีวิตในปีที่ 10 บริษัทประกันจะชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมด ครอบครัวได้บ้านโดยไม่ติดภาระหนี้
  • กรณีไม่ทำ MRTA: หากนายบีเสียชีวิตระหว่างผ่อนบ้าน หนี้ที่เหลือจะตกเป็นภาระของครอบครัวทันที หากไม่สามารถผ่อนต่อ บ้านอาจถูกยึด

สรุป

MRTA คือประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ที่ช่วยให้ครอบครัวไม่ต้องรับภาระหนี้หากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ แม้จะมีค่าเบี้ยสูงและไม่ยืดหยุ่นเท่าประกันชีวิตทั่วไป แต่ก็เป็นเกราะป้องกันสำคัญที่ช่วยให้การกู้บ้านมั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ MRTA ควรพิจารณาจาก

  • ภาระหนี้ที่กู้
  • ประกันชีวิตที่มีอยู่แล้ว
  • ความสามารถในการจ่ายเบี้ย
  • เงื่อนไขดอกเบี้ยจากธนาคาร

การเลือกทำ MRTA อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ทั้งคุณและครอบครัวอุ่นใจว่าบ้านที่กู้มาจะไม่กลายเป็นภาระในอนาคต

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด