DSCR (Debt Service Coverage Ratio) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดความสามารถของธุรกิจหรือบุคคลในการสร้างรายได้เพื่อชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นตัวเลขสำคัญที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือโครงการขนาดใหญ่
พูดง่าย ๆ ก็คือ DSCR บอกว่า ผู้กู้มีรายได้พอที่จะผ่อนหนี้หรือไม่ และเหลือมากน้อยแค่ไหน
สูตรคำนวณ DSCR
DSCR=รายได้จากการดำเนินงานสุทธิ(NetOperatingIncome)ภาระชำระหนี้รวมต่อปี(TotalDebtService)DSCR=ภาระชำระหนี้รวมต่อปี(TotalDebtService)รายได้จากการดำเนินงานสุทธิ(NetOperatingIncome)
- รายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (NOI): รายได้ทั้งหมดจากธุรกิจหรือทรัพย์สิน หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว (ไม่รวมดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา)
- ภาระชำระหนี้รวมต่อปี (Total Debt Service): เงินต้น + ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในรอบปี
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติผู้ลงทุนมีอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่า
- รายได้ค่าเช่าต่อปี = 1,200,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายดำเนินการ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแล = 200,000 บาท
- หนี้ที่ต้องชำระต่อปี (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = 800,000 บาท
NOI = 1,200,000 – 200,000 = 1,000,000 บาท
ดังนั้นDSCR=1,000,000800,000=1.25DSCR=800,0001,000,000=1.25
หมายความว่า นักลงทุนมีรายได้มากกว่าภาระหนี้ 25% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารมักยอมรับ
ค่า DSCR ที่ดีควรเป็นเท่าไร
- DSCR < 1.0 = รายได้ไม่พอชำระหนี้ → เสี่ยงสูง
- DSCR = 1.0 = รายได้พอชำระหนี้พอดี ไม่มีส่วนเกิน → ธนาคารอาจไม่มั่นใจ
- DSCR 1.2 – 1.5 = อยู่ในเกณฑ์ดี → รายได้มากกว่าหนี้พอสมควร
- DSCR > 2.0 = แข็งแกร่งมาก → ธุรกิจหรือการลงทุนมีความมั่นคงสูง
การใช้ DSCR ในการพิจารณาสินเชื่อ
1. สำหรับธุรกิจ
- ธนาคารใช้ DSCR เป็นตัววัดความเสี่ยง หาก DSCR ต่ำ ธนาคารอาจไม่อนุมัติหรือให้วงเงินน้อย
- ใช้ DSCR เปรียบเทียบโครงการ เพื่อดูว่าโครงการไหนมีความมั่นคง
2. สำหรับอสังหาริมทรัพย์
- นักลงทุนปล่อยเช่า ใช้ DSCR ประเมินว่า รายได้ค่าเช่าพอผ่อนหนี้หรือไม่
- สถาบันการเงินใช้ตัวเลขนี้เป็นเกณฑ์อนุมัติสินเชื่อโครงการ เช่น คอนโดหรืออพาร์ตเมนต์
3. สำหรับบุคคล
- ใช้ในกรณีผู้กู้ซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
- บางธนาคารอาจขอดู DSCR ประกอบกับ Debt to Income Ratio (DTI)
ปัจจัยที่มีผลต่อค่า DSCR
- รายได้จากการดำเนินงาน: หากมีการปรับขึ้นค่าเช่า หรือเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร รายได้จะสูงขึ้น
- ค่าใช้จ่าย: การควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมช่วยเพิ่ม NOI
- ดอกเบี้ย: หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ภาระชำระหนี้ก็สูงขึ้น ทำให้ DSCR ลดลง
- โครงสร้างหนี้: ระยะเวลาผ่อนนานขึ้นอาจลดภาระรายปี ทำให้ DSCR ดีขึ้น
วิธีปรับปรุง DSCR
- เพิ่มรายได้: เช่น ปรับค่าเช่า เพิ่มบริการเสริมในธุรกิจ
- ลดค่าใช้จ่าย: บริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ
- รีไฟแนนซ์หนี้: เพื่อลดดอกเบี้ยหรือยืดระยะเวลาผ่อน
- เพิ่มเงินลงทุนส่วนตัว: เพื่อลดวงเงินกู้และภาระหนี้
ข้อจำกัดของ DSCR
- วัดเฉพาะ “ความสามารถจ่ายหนี้” ไม่สะท้อนกำไรแท้จริง
- ขึ้นอยู่กับสมมติฐานรายได้และค่าใช้จ่าย หากข้อมูลไม่แม่นยำ ค่า DSCR ก็อาจบิดเบือน
- ไม่รวมปัจจัยภายนอก เช่น ความเสี่ยงเศรษฐกิจ การแข่งขัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์
สรุป
DSCR (Debt Service Coverage Ratio) คืออัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ โดยใช้สูตร NOI ÷ ภาระชำระหนี้ต่อปี เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจและการลงทุน ค่า DSCR ที่เหมาะสมควรเกิน 1.2 เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งต่อตนเองและสถาบันการเงิน การเข้าใจและใช้ DSCR จะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนวางแผนการเงินได้มั่นคงยิ่งขึ้น