การซื้อบ้านเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหลายคน และในยุคที่ราคาบ้านพุ่งสูง การ “กู้บ้าน” หรือขอสินเชื่อจากธนาคารจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่คำถามที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญคือ “กู้บ้านธนาคารไหนดี?” ที่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เงื่อนไขไม่ซับซ้อน และการอนุมัติรวดเร็ว
บทความนี้จะพาคุณไปเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการกู้บ้านกับธนาคารต่าง ๆ พร้อมเคล็ดลับการเตรียมตัว และปัจจัยที่ควรใช้ในการพิจารณาก่อนตัดสินใจ
1. ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกธนาคารกู้บ้าน
ก่อนจะเปรียบเทียบธนาคาร เราควรเข้าใจปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้:
- อัตราดอกเบี้ย (MRR / MLR / Fix Rate)
ธนาคารบางแห่งให้ดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 3 ปีแรก ก่อนจะปรับตาม MRR (Minimum Retail Rate) - ระยะเวลาผ่อน
ส่วนใหญ่ให้ผ่อนได้นานถึง 30 ปี ยิ่งผ่อนนาน ยิ่งลดภาระต่องวด แต่รวมดอกเบี้ยอาจสูงกว่า - วงเงินกู้สูงสุด
บางธนาคารปล่อยสูงถึง 100% ของราคาประเมิน ขึ้นกับคุณสมบัติผู้กู้ - ค่าธรรมเนียม
เช่น ค่าจดจำนอง ค่าอากร ค่าประเมินหลักทรัพย์ ฯลฯ - โปรโมชันพิเศษ
เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือรับ Cashback เมื่อกู้ผ่านโครงการร่วม
2. เปรียบเทียบสินเชื่อบ้านจากธนาคารชั้นนำ (ข้อมูลอัปเดต 2025)
🏦 1. ธนาคารกรุงศรี (Krungsri Home Loan)
- ดอกเบี้ย:
ปีที่ 1-3 ดอกเบี้ยเฉลี่ย ~3.35% ต่อปี
หลังจากนั้น MRR – 2.00% - วงเงินกู้: สูงสุด 100%
- ระยะเวลาผ่อน: สูงสุด 30 ปี
- เด่น: มีโปรโมชั่นลดค่าธรรมเนียมประเมิน ยื่นเอกสารออนไลน์ได้
- เหมาะกับ: ผู้ซื้อบ้านหลังแรก และกู้ร่วมกับคู่สมรส
🏦 2. ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Home Loan)
- ดอกเบี้ย:
ปีที่ 1 ~3.00% ต่อปี (อัตราคงที่), ปีถัดไป MRR – 2.20% - ระยะเวลาผ่อน: สูงสุด 30 ปี
- พิเศษ: ดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษสำหรับข้าราชการ
- เด่น: สนับสนุนโครงการรัฐ เช่น “บ้านล้านหลัง”, “บ้านประชารัฐ”
🏦 3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
- จุดเด่น: ธนาคารรัฐเพื่อที่อยู่อาศัย
- ดอกเบี้ย: ต่ำมากช่วง 3 ปีแรก (~2.65% ต่อปี)
- วงเงินกู้: ปล่อยกู้ตามราคาประเมิน/ราคาซื้อจริง (สูงสุด 100%)
- ระยะผ่อน: สูงสุด 40 ปี (กรณีพิเศษ)
- เหมาะกับ: ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง, ผู้ขอซื้อบ้านหลังแรก
🏦 4. ธนาคารกสิกรไทย (KBank)
- ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก: ประมาณ 3.25% – 3.50% ต่อปี
- พิเศษ: ดอกเบี้ยต่ำพิเศษหากซื้อบ้านจากโครงการพันธมิตร
- บริการออนไลน์: สมัครผ่าน K PLUS ได้
- เด่น: ขั้นตอนยื่นกู้รวดเร็วและโปร่งใส
🏦 5. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- ดอกเบี้ย: ปีแรก ~3.15%, หลังปีที่ 3 MRR – 2.00%
- เด่น: วงเงินกู้สูง อนุมัติง่ายโดยเฉพาะผู้มีบัญชีเงินเดือน SCB
- โปรแกรม Smart Home Loan: คำนวณสินเชื่อออนไลน์ได้
🏦 6. ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
- ดอกเบี้ย: ปีแรก 3.50%, หลังปีที่ 3 MRR – 2.20%
- วงเงินกู้: สูงสุด 100%
- ค่าธรรมเนียม: ฟรีค่าประเมินในบางแคมเปญ
- เหมาะกับ: คนที่มีประวัติเครดิตดี ต้องการธนาคารเก่าแก่มั่นคง
🏦 7. ธนาคาร TMBThanachart (ttb)
- ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก: ประมาณ 3.25%
- บริการพิเศษ: ตัดเงินผ่อนอัตโนมัติจากบัญชี ttb All Free
- ฟีเจอร์โดดเด่น: มีโปรแกรมลดดอกเบี้ยอัตโนมัติเมื่อชำระดี (ttb smart pay)
3. เคล็ดลับเลือกธนาคารให้ตรงกับคุณ
- หากคุณเป็น ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ → ธอส. หรือ กรุงไทย มักมีโปรพิเศษ
- หากคุณต้องการบริการออนไลน์สะดวก → กสิกร / SCB
- หากคุณต้องการ ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว → เปรียบเทียบเฉลี่ย 3 ปี และหลังจากนั้น
- หากคุณมี รายได้ไม่สูงมาก → ธอส. มักปล่อยกู้ง่าย
- หากคุณเป็น ฟรีแลนซ์ / รายได้ไม่แน่นอน → แนะนำยื่นหลายธนาคาร เปรียบเทียบเงื่อนไข
4. เตรียมตัวยื่นกู้บ้านให้ผ่านง่าย
- ตรวจเครดิตบูโรก่อน
คุณสามารถตรวจเองได้ผ่านแอปพลิเคชัน เช่น myCredit Bureau หรือเดินเข้าไปที่ศูนย์ตรวจเครดิตใกล้บ้าน - ลดภาระหนี้ที่มีอยู่
หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนสินค้า หากชำระหมดหรือปิดบางส่วนได้จะเพิ่มโอกาสผ่าน - มีรายได้ประจำต่อเนื่องเกิน 6 เดือน
ถ้าเป็นพนักงานประจำ ยื่นหนังสือรับรองเงินเดือนและสลิปครบ
ถ้าเป็นอาชีพอิสระ ให้มี Statement เด่นชัดและยื่นภาษีให้ถูกต้อง - มีเงินเก็บ / สำรองฉุกเฉิน
ธนาคารบางแห่งพิจารณาว่าผู้กู้ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 5% – 10% ของวงเงินกู้
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ขอสินเชื่อบ้านควรยื่นกี่ธนาคาร?
A: ควรยื่น 2–3 ธนาคารเพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอ แต่ไม่ควรเกิน 5 แห่งในเวลาเดียวกัน เพราะอาจมีผลกับเครดิต
Q: ยื่นกู้กับธนาคารเดิมที่มีบัญชีเงินเดือนดีไหม?
A: ดี เพราะมักได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ และอนุมัติง่ายกว่าธนาคารอื่น
Q: หากกู้ไม่ผ่านสามารถยื่นซ้ำได้ไหม?
A: ได้ แต่ควรเว้นช่วง 3–6 เดือน และปรับปรุงเครดิต/รายได้ก่อนยื่นใหม่
สรุป: กู้บ้านธนาคารไหนดี?
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและความต้องการของคุณ”
ไม่มีธนาคารไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่ละแห่งมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน หากคุณต้องการดอกเบี้ยต่ำช่วงแรก ธนาคารเอกชนอาจตอบโจทย์ หากคุณต้องการความยืดหยุ่น กู้ได้ง่าย ธนาคารรัฐอย่าง ธอส. ก็อาจเหมาะกว่า
คำแนะนำ:
ก่อนตัดสินใจ ควรติดต่อธนาคารโดยตรง ขอใบเสนอรายละเอียด (Offer Letter) และเปรียบเทียบทุกปัจจัย ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยเท่านั้น