แบล็กลิสต์ คืออะไร? เช็กได้อย่างไร มีผลกระทบอะไร และวิธีแก้ไข

แบล็คลิส เช็ค

แบล็กลิสต์ คืออะไร?

“แบล็กลิสต์” หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “บัญชีดำ” เป็นคำที่ใช้ในวงการการเงินเพื่ออธิบายสถานะของบุคคลหรือองค์กรที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือมีปัญหาในการชำระเงิน เช่น ชำระล่าช้า ชำระไม่ครบ หรือไม่ชำระเลย ส่งผลให้สถาบันการเงินหรือหน่วยงานสินเชื่อบันทึกข้อมูลนี้ไว้ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเก็บข้อมูลเครดิตของผู้กู้ทั้งหมดในประเทศ

การติดแบล็กลิสต์หมายความว่าคุณถูกมองว่าเป็น “ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง” หรือ “ลูกหนี้ที่มีประวัติเสีย” ซึ่งจะทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตยากขึ้น หรืออาจถูกปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องพิจารณารายละเอียดอื่น ๆ

จุดสำคัญ: คำว่า “แบล็กลิสต์” ไม่มีความหมายทางกฎหมายโดยตรง แต่เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการการเงินและสินเชื่อเพื่ออธิบายสถานะนี้

แบล็กลิสต์เกิดจากอะไร?

หลัก ๆ แล้วเกิดจากพฤติกรรมการชำระหนี้ที่ผิดนัด เช่น

  • ค้างชำระหนี้เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล
  • ผิดนัดชำระหนี้ซ้ำ ๆ ถึงแม้จะไม่ค้างชำระนานมาก แต่ถ้าชำระล่าช้าประจำก็ทำให้ประวัติไม่ดี
  • ผิดสัญญาเงินกู้ เช่น การผิดนัดชำระเงินต้น ดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมตามสัญญา
  • มีการยื่นล้มละลาย หรือถูกฟ้องร้องเรียกเก็บหนี้
  • การปิดบัญชีโดยมีหนี้ค้างชำระ

หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ สถาบันการเงินจะรายงานข้อมูลไปยังเครดิตบูโร เพื่อแจ้งเตือนผู้ให้กู้รายอื่น ๆ

เช็กแบล็กลิสต์ได้อย่างไร?

คุณสามารถตรวจสอบสถานะเครดิตและประวัติการชำระหนี้ของตัวเองได้จากเครดิตบูโร ซึ่งในประเทศไทยมีขั้นตอนดังนี้

  1. ตรวจสอบด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่เครดิตบูโร
    • สถานที่ตั้ง: อาคารเพิร์ล แบงค็อก พหลโยธิน
    • เอกสาร: บัตรประชาชน และแบบฟอร์มคำขอตรวจสอบเครดิต
    • ค่าธรรมเนียมประมาณ 100 บาท
  2. ตรวจสอบผ่านธนาคารที่ร่วมให้บริการ
    • ธนาคารกรุงไทย, กรุงเทพ, ออมสิน, กรุงศรีอยุธยา ฯลฯ
    • ตรวจสอบผ่านเคาน์เตอร์หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร
  3. ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์
    • แอปยอดนิยม เช่น Krungthai NEXT, K-PLUS, TTB Touch, MyMo เป็นต้น
    • สะดวกและรวดเร็ว
  4. ตรวจสอบรายงานผ่านไปรษณีย์
    • ส่งเอกสารและแบบฟอร์มคำขอตรวจสอบไปยังเครดิตบูโร
    • รอรับรายงานภายใน 7 วันทำการ

ผลกระทบของการติดแบล็กลิสต์

การติดแบล็กลิสต์มีผลกระทบสำคัญต่อชีวิตการเงินของคุณ ดังนี้

  • ขอสินเชื่อยากขึ้น
    สถาบันการเงินจะระมัดระวังและอาจปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ เพราะมองว่าคุณเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการผิดนัดชำระเงิน
  • ดอกเบี้ยสูงขึ้น
    หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อจริง ๆ อาจมีดอกเบี้ยสูงกว่าคนทั่วไป เพราะต้องชดเชยความเสี่ยง
  • สมัครบัตรเครดิตยาก
    อาจถูกปฏิเสธไม่ผ่านการอนุมัติ หรือได้รับวงเงินต่ำกว่าที่ขอ
  • เสียเครดิตและความน่าเชื่อถือทางการเงิน
    ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางธุรกิจหรือการทำงานในสายงานการเงิน
  • กระทบต่อบริการทางการเงินอื่น ๆ
    เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากบางประเภท การเช่าซื้อ หรือการทำสัญญากับบริษัทไฟแนนซ์

ระยะเวลาการติดแบล็กลิสต์อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปข้อมูลประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีจะถูกเก็บไว้ในเครดิตบูโร 3 ปี นับจากวันที่ปิดบัญชีหนี้เรียบร้อย (ชำระหนี้หมดแล้ว) ไม่ใช่นับจากวันที่ผิดนัด

ตัวอย่าง:

  • หากคุณค้างชำระและชำระหนี้ครบถ้วนในเดือนมกราคม 2565 ข้อมูลประวัติไม่ดีจะถูกเก็บไว้จนถึงเดือนมกราคม 2568

หลังจากนั้นข้อมูลจะถูกลบออกจากระบบ ทำให้สถานะเครดิตกลับมาสดใสขึ้น

วิธีแก้ไขหากติดแบล็กลิสต์

แม้การติดแบล็กลิสต์จะทำให้คุณประสบปัญหาทางการเงิน แต่ก็สามารถแก้ไขได้ ดังนี้

  1. ตรวจสอบยอดหนี้ค้างชำระ
    ติดต่อสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ให้สินเชื่อเพื่อขอข้อมูลยอดหนี้ที่ยังค้างอยู่
  2. เจรจาประนอมหนี้
    ขอปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ขอผ่อนชำระเป็นงวด ลดดอกเบี้ย หรือขอพักชำระชั่วคราว ตามความสามารถทางการเงิน
  3. ชำระหนี้ให้ครบถ้วน
    ชำระยอดหนี้ที่ค้างทั้งหมด รวมทั้งดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเคลียร์หนี้
  4. เก็บหลักฐานการชำระหนี้ให้ครบถ้วน
    เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบปิดบัญชี เพื่อใช้ยืนยันสถานะทางการเงิน
  5. ติดตามผลอัปเดตเครดิตบูโร
    ตรวจสอบว่าประวัติหนี้ถูกอัปเดตในระบบเครดิตบูโรว่าปิดบัญชีเรียบร้อยหรือไม่
  6. สร้างวินัยทางการเงินในอนาคต
    วางแผนการเงินให้ดี ชำระหนี้ตรงเวลาทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ

วิธีป้องกันไม่ให้ติดแบล็กลิสต์

  • วางแผนการเงินอย่างรอบคอบก่อนกู้เงิน
  • จดจำวันครบกำหนดชำระหนี้ และจ่ายเงินตรงเวลา
  • หากเจอปัญหาการเงิน แจ้งสถาบันการเงินล่วงหน้าเพื่อขอคำปรึกษา
  • หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเกินความสามารถในการชำระหนี้
  • ตรวจสอบเครดิตบูโรเป็นประจำ เพื่อดูสถานะและวางแผนแก้ไขทันทีหากพบปัญหา

สรุป

แบล็กลิสต์ไม่ใช่คำตัดสินที่ถาวร แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณมีปัญหาด้านเครดิตที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง การตรวจสอบเครดิตบูโรและการรักษาวินัยการชำระหนี้คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณกลับมามีสถานะเครดิตที่ดีอีกครั้ง การจัดการหนี้อย่างมีระบบและวางแผนการเงินให้ดี จะช่วยป้องกันการติดแบล็กลิสต์ในอนาคต และทำให้คุณมีสุขภาพการเงินที่มั่นคง

Share the Post: