การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยากหากคุณเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและตรงตามที่ธนาคารกำหนด โดยเฉพาะในกรณีของผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ ซึ่งมักถูกพิจารณายากกว่าผู้มีรายได้ประจำ การเตรียมเอกสารให้ครบและมีข้อพิสูจน์รายได้ชัดเจนสามารถเพิ่มโอกาสอนุมัติกู้ได้อย่างมาก
บทความนี้ครอบคลุมตั้งแต่เอกสารทั่วไปที่ธนาคารต้องการ เอกสารเฉพาะอาชีพอิสระ วิธีเดินบัญชี และเทคนิคให้ผ่านการอนุมัติสินเชื่อในปีล่าสุด
เอกสารส่วนตัวที่ต้องเตรียม
เริ่มต้นด้วยการเตรียมเอกสารส่วนตัวให้ครบถ้วนสำหรับผู้กู้ (และผู้กู้ร่วม หากมี)
- สำเนาบัตรประชาชน และคู่สมรส (กรณีสมรสแล้ว)
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้และคู่สมรส
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือใบหย่า/ใบมรณะบัตร หากมี
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ–นามสกุล (ถ้ามี)
นอกจากนี้ธนาคารอาจให้กรอก แบบฟอร์มคำขอสินเชื่อ และหนังสือให้ความยินยอมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิตหรือบัญชีธนาคารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เอกสารหลักประกันบ้านที่ขอกู้
เมื่อซื้อบ้านใหม่หรือมือสอง ธนาคารจะขอเอกสารเพื่อใช้ตรวจสอบทรัพย์สิน เช่น:
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมด
- สัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญาจองโครงการ (กรณีบ้านในโครงการ)
- ใบเสร็จหลักฐานการชำระเงินดาวน์
- กรณีรีไฟแนนซ์ ต้องแนบสัญญากู้และจำนองเดิม รวมถึงใบเสร็จผ่อนชำระที่ผ่านมา
เอกสารยื่นกู้สำหรับผู้มีรายได้ประจำ
หากคุณมีรายได้ประจำ หรือทำงานในหน่วยงานราชการ:
- หนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือนย้อนหลังไม่เกิน 3 เดือน
- บัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีเงินเดือนหรือกระแสรายวัน)
- กรณีรายได้อื่น เช่น เงินบำนาญ ให้แนบใบรับเงินหรือ Statement หลักฐานการเงิน
เอกสารเฉพาะสำหรับอาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการ)
ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระมักต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์รายได้และสถานะการเงินให้ธนาคารมั่นใจ:
- รายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อแสดงรายรับรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง
- สำเนาทะเบียนการค้า หรือทะเบียนบริษัท / ห้างหุ้นส่วน พร้อมหนังสือรับรองการจดทะเบียน
- หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภงด. สำหรับกิจการย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี พร้อมใบเสร็จ
- ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีจากลูกค้าหรือผู้จ้างงานย้อนหลัง 6 เดือน
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากลูกค้า หรือสัญญาการว่าจ้างงาน (ถ้ามี)
- รูปถ่ายสถานประกอบกิจการหรือหน้าร้าน (อย่างน้อย 3–5 รูป) พร้อมที่ตั้งธุรกิจอย่างชัดเจน
- ใบอนุญาตประกอบอาชีพเฉพาะ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก หรือผู้ที่ต้องมีใบรับรองวิชาชีพ
สรุปว่า เอกสารทั้งหมดต้องแสดงให้เห็นว่า คุณประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง มีรายรับชัดเจน และมีเสถียรภาพทางการเงินเพียงพอในการเข้ารับภาระผ่อนบ้าน
เทคนิคยื่นกู้ให้ผ่านสำหรับฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ
ฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบธุรกิจควรมีแผนก่อนยื่นกู้ ดังนี้:
- ยื่นภาษีอย่างถูกต้องทุกปี และเก็บใบเสร็จภาษีเพื่อใช้อ้างอิง
- เดินบัญชีรับรายได้ผ่านธนาคารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธนาคารตรวจสอบได้ง่าย
- มีเงินออมในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงวินัยทางการเงิน
- ไม่ติดเครดิตบูโร ไม่มีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่นเกิน 40% ของรายได้
- หากเงินได้จากหลายช่องทาง อาจรวมเอกสารทุกแหล่งเพื่อให้ยอดรวมรายได้ชัดเจน
- พิจารณาการกู้ร่วมกับคู่สมรสหรือคนในครอบครัวที่มีรายได้เสริม เพื่อเพิ่มความมั่นใจของธนาคาร
แนวทางธนาคารพิจารณาเอกสาร
ธนาคารมีแนวทางพิจารณาเริ่มตั้งแต่การตรวจเอกสารทั่วไป ตรวจเครดิต และวิเคราะห์ความมั่นคงการเงินของผู้กู้โดยรวม
หากเอกสารครบถ้วน ร่วมกับเครดิตบูโรสีเขียวและประวัติใช้จ่ายดีในบัญชี ธนาคารจะมองว่าตัดสินใจกู้ปลอดภัยและมีโอกาสอนุมัติมากขึ้น
สถานการณ์เพิ่มเติมที่อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม
- หากยื่นกู้ผ่านอสังหาริมทรัพย์หรือบริษัทร่วมทุน อาจจำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มของโครงการ หรือข้อมูลแผนชำระเงินในโครงการ
- กรณีสร้างบ้านเองหรือรีโนเวต ต้องแนบแบบแปลนแบบก่อสร้าง ใบอนุญาต และสัญญาจ้างเหมา
- กรณีรีไฟแนนซ์ ต้องแนบสัญญากู้เดิม ภาระผ่อนที่ผ่านมา และหลักฐานโอนคืนจากธนาคารเดิม
ความแตกต่างของประเภทอาชีพด้านเอกสาร
ลักษณะ | เอกสารหลักที่ต้องเตรียม |
---|---|
รายได้ประจำ | สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน Statement ย้อนหลัง 3–6 เดือน |
เจ้าของกิจการ | ทะเบียนการค้า/บริษัท Statement 12 เดือน งบการเงิน ภ.พ.30 รูปกิจการ |
ฟรีแลนซ์ | Statement 6–12 เดือน ใบเสร็จรับเงิน 50 ทวิ สัญญาจ้างงาน หนังสือรับรองภาษี รูปกิจการ/ผลงาน |
สรุป
การเตรียม เอกสารยื่นกู้บ้าน ให้ครบและเหมาะสมกับสประเภทอาชีพเป็นก้าวแรกสู่การขอสินเชื่อที่เรียบง่ายและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องพิสูจน์รายได้ผ่านหลายช่องทาง การเดินบัญชีที่โปร่งใส การยื่นภาษีอย่างถูกต้อง และหลักฐานการประกอบอาชีพชัดเจน จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ธนาคาร และเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อให้สูงขึ้น