การเพิ่มชื่อในโฉนดที่ดิน วิธีการ ขั้นตอน เอกสาร และข้อควรระวังที่ต้องรู้

เพิ่มชื่อในโฉนดที่ดิน

โฉนดที่ดินคือเอกสารสำคัญที่แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งมิใช่เพียงแค่นิติกรรมขาดผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานการครอบครองทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ยกกรรมสิทธิ์ ค้ำประกันจำนอง หรือแบ่งมรดก

การเพิ่มชื่อในโฉนดที่ดิน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การแต่งงาน การซื้อขาย การสืบมรดก หรือการรับบริจาค ทั้งนี้ การเพิ่มชื่อจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อให้ชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายคนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันชัดเจน

โฉนดที่ดินคืออะไร

โฉนดที่ดินคือเอกสารสำคัญที่แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งมิใช่เพียงแค่นิติกรรมขาดผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานการครอบครองทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ยกกรรมสิทธิ์ ค้ำประกันจำนอง หรือแบ่งมรดก

เหตุผลที่ต้องเพิ่มชื่อในโฉนด

มรดกและการสืบทอดทรัพย์สิน

เมื่อเจ้าของเดิมเสียชีวิต ทายาทต้องการให้มีชื่อในโฉนดเพื่อให้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

การโอนกรรมสิทธิ์เข้าออกจากคู่สมรส

ภายหลังการจดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินบางส่วนอาจต้องสำรองชื่อคู่สมรสไว้ในโฉนด

การซื้อขายร่วมกันระหว่างบุคคลหลายคน

เพื่อแสดงให้ชัดเจนว่าทั้งผู้นี้และผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงนั้น

การรับไว้ในนิติบุคคล

ในกรณีที่บุคคลหรือครอบครัวจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อนำที่ดินไปใช้ในกิจการร่วม ควรเพิ่มชื่อในโฉนดให้สอดคล้องกับผู้ถือหุ้น

การจัดการหนี้สินหรือค้ำประกันเงินกู้

ผู้ที่ยินดีค้ำประกันอาจขอกรรมสิทธิ์ร่วม เพื่อความชัดเจนในเอกสารทางการเงิน

วิธีการเพิ่มชื่อในโฉนด

โอนกรรมสิทธิ์ (Transfer)

กรณีเจ้าของเดิมต้องการโอนโฉนดทั้งหมดให้แก่บุคคลอื่น (เช่น คู่สมรส หรือที่ดินแบ่งขาย) ต้องยื่นแบบฟอร์ม 9, 10 และ 11 พร้อมเอกสารโฉนดเดิมที่สำนักงานที่ดิน

  • เจ้าของและผู้รับโอนต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดิน พร้อมเอกสารประกอบ
  • ผู้โอนต้องชำระค่าภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 0.5% ของราคาประเมิน หรือภาษีธุรกิจเฉพาะตามประเภทที่ดิน
  • หลังชำระภาษี เจ้าพนักงานจะดำเนินการออกโฉนดใหม่ มีชื่อผู้รับโอน

จดทะเบียนร่วมกรรมสิทธิ์ (Joint Ownership)

วิธีนี้นิยมใช้กรณีต้องการให้บุคคลหลายคนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

  • เจ้าพนักงานจะขอคำร้องร่วมจากคนทุกฝ่าย พร้อมเอกสารตัวบุคคลและโฉนดเดิม
  • ไม่มีภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่จะมีค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและการออกโฉนดใหม่
  • เมื่อดำเนินการแล้วจะได้รับโฉนดที่แสดงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคนสามารถทำได้พร้อมกัน

จดทะเบียนมรดก (Inheritance Registration)

หากเจ้าของเดิมเสียชีวิตต่อมรดกถึงทายาท ให้ดำเนินการแบ่งมรดก

  • ยื่นโฉนดเดิมและใบมรณบัตร
  • จัดทำข้อตกลงหรือจำลองการแบ่งมรดก
  • เสียภาษีมรดกตามมูลค่าทรัพย์สิน
  • จดทะเบียนมรดกและรับโฉนดใหม่

เอกสารที่จำเป็น

เอกสารทั่วไปสำหรับทุกกรณี

  • บัตรประชาชน – ฉบับเจ้าของเดิมและผู้จะเพิ่มชื่อ
  • ทะเบียนบ้าน – ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
  • โฉนดที่ดิน – ตัวจริง
  • สำเนาโฉนด
  • แบบคำขอของสำนักงานที่ดิน (แบบ 9, 10, 11 หรือแบบแบ่งมรดก)
  • ใบเสร็จการชำระภาษี – ถ้ามี
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีผู้แทนไปดำเนินการแทน)

เอกสารเฉพาะกรณี

กรณีเอกสารเพิ่มเติม
โอนกรรมสิทธิ์สัญญาซื้อขายหรือหนังสือโอน, สำเนาใบทะเบียนสมรส (กรณีคู่สมรส)
มรดกใบมรณบัตร, หนังสือสัญญาจัดการมรดก, ใบมอบอำนาจจากทายาท
กรรมสิทธิ์ร่วมหนังสือยินยอมหรือข้อตกลงระหว่างผู้ถือกรรมสิทธิ์

ค่าธรรมเนียมและภาษี

โอนกรรมสิทธิ์

  • ภาษีเงินได้: 0.5% ของราคาประเมิน
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ: อัตรา 3.3% ของราคาตลาด (ถ้าทำธุรกิจขายที่ดิน)
  • ค่าธรรมเนียมกรมที่ดิน: ประมาณ 2.5% ของราคาประเมิน

จดทะเบียนร่วมกรรมสิทธิ์

  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและออกโฉนดใหม่
    – ค่าธรรมเนียม 2 บาท ต่อรายการ
    – ค่าอากรผูกรายการ 10 บาท ต่อโฉนด
    – ค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 500–1,000 บาท (ขึ้นกับพื้นที่)

มรดก

  • ภาษีมรดก: ถ้ามูลค่าทรัพย์สินเกิน 100 ล้านบาท อัตราภาษี 5%
  • ค่าธรรมเนียมกรมที่ดิน: เช่นเดียวกับกรณีโอนกรรมสิทธิ์

ระยะเวลาดำเนินการ

  • ส่วนใหญ่ใช้เวลา 1–2 วันทำการ (โอนชื่อ เพิ่มชื่อร่วม)
  • กรณีมรดกหรือมีข้อพิพาท อาจใช้เวลา 1–4 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

  • ทำความเข้าใจจุดประสงค์ของการเพิ่มชื่อ
  • หลีกเลี่ยงเงื่อนไขที่ไม่ขัดกฎหมายผังเมืองหรือสัญญาผู้ถือกรรมสิทธิ์
  • ตรวจสอบโฉนดก่อนดำเนินการ ทั้งเลขที่โฉนด ขอบเขต (เนื้อที่) และภาระหรือจำนองเดิม
  • ระวังภาษีและภาระผูกพัน โดยเฉพาะกฎหมายภาษีเงินได้หรือภาษีธุรกิจ
  • ตรวจสอบเอกสารทางครอบครัว โดยเฉพาะการโอนชื่อคู่สมรส เพื่อเลี่ยงปัญหาการแบ่งแยกทรัพย์สินหลังทำเรื่อง
  • หากแบ่งมรดก ควรทำหนังสือข้อตกลงหรือพินัยกรรม ระบุชัดเจนว่าใครบ้างที่ได้รับทรัพย์สินอย่างไร
  • ใช้ทนายหรือนายหน้ามืออาชีพ หากกรณีมีเงื่อนไขเชิงซ้อน เช่น ทายาทจำนวนมาก หรือมีนิติกรรมต่อเนื่องหลายครั้ง

ประโยชน์ของการมีชื่อในโฉนดอย่างถูกต้อง

  • ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงิน (เช่น จำนอง ค้ำประกัน) เป็นไปได้ง่าย
  • ลดโอกาสขัดแย้งในครอบครัวหรือชาวบ้าน
  • สร้างความมั่นใจในการถือกรรมสิทธิ์และลดความเสี่ยงในการฟ้องร้อง
  • สะดวกในการแบ่งมรดกหรือโอนทรัพย์ในอนาคต

สรุป

การเพิ่มชื่อในโฉนดเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ร่วม หรือการสืบมรดก แม้ขั้นตอนจะมีความยุ่งยากและเกี่ยวข้องกับภาษีหลายประเภท แต่หากดำเนินตามกระบวนการอย่างถูกต้อง จะช่วยสร้างความมั่นคงในการถือครอง ลดความเสี่ยงในอนาคต และช่วยให้การบริหารทรัพย์สินของครอบครัวเป็นระบบ ระบบแนะนำให้ปรึกษาสำนักงานที่ดิน หรือผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเฉพาะด้านก่อนดำเนินการทุกครั้งครับ

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด