เงินที่ห้ามอายัดตามกฎหมาย เจ้าหนี้และลูกหนี้ควรรู้

เงินที่ห้ามอายัด

ทำความเข้าใจเรื่อง “การอายัดเงิน”

การอายัดเงินคือกระบวนการที่เจ้าหนี้ใช้สิทธิทางกฎหมายบังคับกับลูกหนี้เพื่อให้ชำระหนี้ เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกหมายบังคับคดี เจ้าหนี้สามารถยื่นคำร้องขอให้กรมบังคับคดีอายัดเงินเดือน บัญชีเงินฝาก หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เงินทุกประเภทที่จะถูกอายัดได้ เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดให้บางประเภทได้รับการคุ้มครองเพื่อความเป็นธรรมและเพื่อการดำรงชีวิตพื้นฐานของลูกหนี้


เงินที่กฎหมายกำหนดว่า “ห้ามอายัด”

  1. เงินเดือนและค่าจ้างบางส่วน
    กฎหมายกำหนดว่าการอายัดเงินเดือนหรือค่าจ้างต้องเหลือเงินไว้ให้ลูกหนี้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ยังคงมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
  2. เงินเพื่อการยังชีพขั้นพื้นฐาน
    เช่น ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ หากเงินก้อนนั้นถูกกำหนดหรือระบุว่าเพื่อการยังชีพ จะไม่สามารถถูกอายัดได้
  3. เงินบำนาญ ข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจบางประเภท
    เงินบำนาญที่จ่ายเพื่อการยังชีพหลังเกษียณถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครอง
  4. เงินช่วยเหลือสวัสดิการของรัฐ
    เช่น เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินช่วยเหลือผู้พิการ หรือเงินสงเคราะห์บุตร เงินเหล่านี้เป็นสวัสดิการที่กฎหมายห้ามอายัด
  5. เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัวโดยตรง
    หากศาลเห็นว่าเงินนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อการเลี้ยงดูครอบครัว เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร จะได้รับการคุ้มครองเช่นกัน

เงินเดือนกรณีถูกอายัด คิดอย่างไร?

เมื่อเจ้าหนี้ขออายัดเงินเดือน กฎหมายกำหนดให้ลูกหนี้ต้องเหลือเงินใช้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนทั้งหมด ตัวอย่างเช่น

  • หากลูกหนี้มีเงินเดือน 30,000 บาท เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ไม่เกิน 15,000 บาท ลูกหนี้ต้องเหลืออย่างน้อย 15,000 บาท
  • หากลูกหนี้มีเงินเดือน 12,000 บาท จะต้องเหลืออย่างน้อย 6,000 บาท

ทั้งนี้ การอายัดจะไม่รวมค่าล่วงเวลา โบนัส หรือเงินพิเศษอื่น ๆ หากไม่ได้ระบุในสัญญาเงินเดือนโดยตรง

ความแตกต่างระหว่าง “อายัดเงินเดือน” และ “อายัดบัญชี”

  • อายัดเงินเดือน
    เจ้าหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้หักจากนายจ้างโดยตรงก่อนถึงมือลูกหนี้
  • อายัดบัญชี
    ศาลมีคำสั่งอายัดบัญชีธนาคาร เงินที่อยู่ในบัญชี ณ เวลานั้นจะถูกระงับการถอนหรือโอน แต่เงินบางประเภท เช่น เงินสวัสดิการของรัฐที่โอนเข้าบัญชี อาจไม่ถูกนำไปชำระหนี้

สิทธิของลูกหนี้ที่ควรรู้

  • ลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอยกเว้นการอายัดเงินที่เป็นเงินสวัสดิการหรือเงินเพื่อการยังชีพ
  • ลูกหนี้มีสิทธิได้รับเงินเดือนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเสมอ
  • หากนายจ้างหักเงินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ลูกหนี้สามารถร้องเรียนต่อกรมบังคับคดีหรือศาลได้

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เสี่ยงถูกอายัดเงิน

  • ตรวจสอบหนี้สิน ให้แน่ใจว่าหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นหนี้ที่แท้จริง
  • เจรจาประนอมหนี้ กับเจ้าหนี้ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี เพื่อลดความเสี่ยงการถูกอายัด
  • แยกบัญชีเงิน หากได้รับเงินสวัสดิการจากรัฐ ควรโอนเข้าบัญชีแยกต่างหาก เพื่อให้สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเงินที่ห้ามอายัด
  • วางแผนทางการเงิน จัดสรรรายได้และค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้การอายัดเงินกระทบการดำรงชีวิตจนเกินไป

คำถามที่พบบ่อย

เงินสวัสดิการที่โอนเข้าบัญชีธนาคาร จะถูกอายัดหรือไม่?
โดยหลักแล้วไม่ควรถูกอายัด แต่ลูกหนี้ควรเก็บหลักฐานยืนยันว่าเงินนั้นเป็นสวัสดิการ

สามารถขอยกเลิกการอายัดเงินได้หรือไม่?
ทำได้ หากพิสูจน์ได้ว่าเงินที่ถูกอายัดเป็นเงินประเภทที่กฎหมายห้ามอายัด

เงินเดือนลูกหนี้ถูกอายัดแล้ว จะกระทบต่อโบนัสหรือไม่?
โบนัสที่เป็นรายได้พิเศษไม่ใช่เงินเดือนโดยตรง ศาลอาจพิจารณาแยกตามกรณี

สรุป

“เงินที่ห้ามอายัด” เป็นสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายคุ้มครองลูกหนี้ เพื่อให้ยังคงมีเงินสำหรับการดำรงชีวิต ไม่ถูกบังคับชำระหนี้จนหมดตัว เงินที่ได้รับความคุ้มครองได้แก่ เงินเดือนบางส่วน เงินบำนาญ เงินสวัสดิการจากรัฐ และเงินเพื่อการยังชีพโดยตรง ลูกหนี้ควรรู้สิทธิของตนเองเพื่อป้องกันความเสียหาย และเจ้าหนี้ก็ควรเข้าใจข้อจำกัดทางกฎหมาย เพื่อดำเนินการทวงหนี้อย่างถูกต้อง

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด