หนังสือสัญญาซื้อขายบ้าน ที่ผู้ซื้อและผู้ขายควรรู้ก่อนเซ็นสัญญา

หนังสือสัญญาซื้อขายบ้าน

การซื้อขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากและสิทธิในทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ดังนั้นเอกสารสำคัญที่เรียกว่า “หนังสือสัญญาซื้อขาย” จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นหลักฐานยืนยันความตกลงระหว่างคู่สัญญา และยังเป็นเครื่องมือป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจว่า หนังสือสัญญาซื้อขายคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ควรมีเนื้อหาอะไรบ้าง และข้อควรระวังสำหรับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

หนังสือสัญญาซื้อขายคืออะไร?

หนังสือสัญญาซื้อขาย คือเอกสารที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โดยเฉพาะเมื่อเป็น อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม จะต้องมีการทำเป็น “หนังสือเป็นหลักฐาน” ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้การซื้อขายมีผลสมบูรณ์และสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมาย

ความสำคัญของหนังสือสัญญาซื้อขาย

  1. ยืนยันความตกลงที่ชัดเจน
    ลดความคลาดเคลื่อนหรือความเข้าใจผิดระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
  2. ป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย
    หากเกิดการผิดสัญญา หนังสือสัญญาซื้อขายสามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้
  3. ระบุสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
    เช่น วันโอนกรรมสิทธิ์ การชำระเงิน ค่าธรรมเนียม และภาระต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้
  4. สร้างความมั่นใจทั้งสองฝ่าย
    ผู้ซื้อมั่นใจว่าจะได้รับกรรมสิทธิ์ ผู้ขายมั่นใจว่าจะได้รับเงินครบถ้วน

เนื้อหาที่ควรมีในหนังสือสัญญาซื้อขายบ้าน

  1. ข้อมูลคู่สัญญา
    ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชนของผู้ซื้อและผู้ขาย
  2. รายละเอียดทรัพย์สิน
    เช่น เลขที่โฉนด ที่ตั้งบ้านหรือที่ดิน ขนาดพื้นที่ และสิ่งปลูกสร้าง
  3. ราคาซื้อขาย
    ราคาที่ตกลงกัน และวิธีการชำระ เช่น ชำระเต็มจำนวน หรือแบ่งงวด
  4. การชำระเงินมัดจำ
    ระบุจำนวนเงินมัดจำ วันชำระ และเงื่อนไขหากฝ่ายใดผิดนัด
  5. วันส่งมอบทรัพย์สินและโอนกรรมสิทธิ์
    ระบุวันเวลาและสถานที่ เช่น ที่กรมที่ดิน
  6. ภาระผูกพันหรือหนี้สินที่ติดมากับทรัพย์สิน
    เช่น จำนองกับธนาคาร ซึ่งผู้ขายต้องเคลียร์หนี้ก่อนโอน
  7. ค่าธรรมเนียมและภาษี
    ระบุว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าโอน ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ หรืออากรแสตมป์
  8. การผิดสัญญาและเบี้ยปรับ
    เช่น หากผู้ซื้อไม่ชำระเงินตามกำหนดจะถูกริบเงินมัดจำ หรือหากผู้ขายไม่โอนกรรมสิทธิ์จะต้องคืนเงินมัดจำพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย
  9. ข้อกำหนดอื่น ๆ
    เช่น การตรวจสอบสภาพบ้านก่อนโอน

ข้อควรระวังของผู้ซื้อ

  • ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์บ้านหรือที่ดินว่าถูกต้องหรือไม่
  • ตรวจสอบว่าทรัพย์สินไม่มีภาระค้ำประกัน เช่น การจำนองที่ยังไม่ชำระหนี้
  • อ่านสัญญาอย่างละเอียด อย่ารีบเซ็นโดยไม่ได้พิจารณา
  • ขอเวลาเก็บเอกสารหรือขอคำปรึกษาทางกฎหมายหากไม่มั่นใจ

ข้อควรระวังของผู้ขาย

  • ควรเก็บหลักฐานการรับเงินมัดจำหรือเงินงวดอย่างครบถ้วน
  • หากบ้านยังติดภาระกับธนาคาร ต้องแจ้งผู้ซื้ออย่างตรงไปตรงมา
  • ไม่ควรเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์จนกว่าจะได้รับเงินครบถ้วนตามสัญญา
  • ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท

ตัวอย่างสถานการณ์ที่เกิดปัญหา

  1. ผู้ซื้อไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารผ่าน
    หากไม่ระบุเงื่อนไขชัดเจน อาจเสียเงินมัดจำไปโดยเปล่าประโยชน์
  2. ผู้ขายมีหนี้ติดกับบ้าน
    ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนด
  3. ข้อกำหนดไม่ละเอียด
    เช่น ไม่ระบุเรื่องผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม ทำให้เกิดการโต้เถียง

คำแนะนำก่อนเซ็นสัญญาซื้อขาย

  • ควรมีทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญกฎหมายช่วยตรวจสัญญา
  • เก็บสำเนาสัญญาอย่างน้อย 2 ฉบับ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายคนละชุด
  • หากเป็นการซื้อขายบ้านมูลค่าสูง ควรจดทะเบียนการซื้อขายที่กรมที่ดินเพื่อความมั่นใจ

สรุป

หนังสือสัญญาซื้อขายบ้านไม่ใช่เพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง แต่คือหลักฐานสำคัญที่ปกป้องสิทธิของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย การทำสัญญาที่ชัดเจน ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมาย จะช่วยให้การซื้อขายบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต หากคุณกำลังจะซื้อหรือขายบ้าน อย่าละเลยขั้นตอนนี้ เพราะสัญญาที่รัดกุมคือกุญแจสำคัญสู่ความมั่นใจ

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด