สัญญาเช่าบ้านคือข้อตกลงที่กำหนดเงื่อนไขระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่า โดยกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ค่าเช่า ระยะเวลา เงื่อนไขการคืนเงินประกัน และสิทธิหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
ในปี พ.ศ. 2568 ประเทศไทยมีการปรับปรุงกฎหมายเช่าที่อยู่อาศัย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม และลดปัญหาการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยเฉพาะในกรณีที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีผู้เช่าจำนวนมาก
พ.ร.ฎ.คุ้มครองผู้เช่า พ.ศ. 2568 คืออะไร?
พระราชกฤษฎีกาควบคุมธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยออกตามมติของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
เป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้คือการควบคุมธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะเป็นเชิงพาณิชย์ เช่น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีบ้านหรือห้องเช่าตั้งแต่ 5 ยูนิตขึ้นไป และเปิดให้เช่าเป็นธุรกิจ
สำหรับเจ้าของบ้านทั่วไปที่ให้เช่ารายย่อย ไม่ได้ประกอบธุรกิจแบบเต็มรูปแบบ จะยังอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามปกติ
กฎหมายใหม่ควบคุมอะไรบ้าง?
ต้องทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ให้เช่าต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องจัดให้ผู้เช่าเก็บไว้อย่างน้อยหนึ่งชุด พร้อมรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อคู่สัญญา รายการทรัพย์สิน ค่าเช่า ค่ามัดจำ ระยะเวลาเช่า และเงื่อนไขอื่น ๆ
หากไม่ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ถือว่าผิดกฎหมาย และผู้เช่าสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
ค่ามัดจำต้องคืนภายใน 7 วัน
ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกเก็บเงินประกันความเสียหายหรือค่ามัดจำไม่เกิน 1 เดือนของค่าเช่า และต้องคืนให้ผู้เช่าภายใน 7 วันหลังจากเลิกสัญญา หากไม่มีความเสียหายใด ๆ
กรณีตรวจพบความเสียหายที่ต้องหักจากค่ามัดจำ ต้องมีหลักฐานชัดเจนและแจ้งให้ผู้เช่าทราบ
ห้ามเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินจริง
กฎหมายใหม่กำหนดชัดเจนว่าผู้ให้เช่าต้องคิดค่าน้ำค่าไฟตามราคาจริงที่เรียกเก็บโดยการประปาและการไฟฟ้า
หากมีการบวกเพิ่มหรือคิดราคาหน่วยเกินจริง เช่น ไฟฟ้าหน่วยละ 10 บาท ถือว่าผิดกฎหมาย
ผู้เช่าสามารถยกเลิกสัญญาได้โดยแจ้งล่วงหน้า
ผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาโดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน โดยไม่ต้องเสียค่าปรับหรือค่าเสียหาย หากไม่ได้ทำผิดสัญญาอย่างร้ายแรง เช่น ไม่จ่ายค่าเช่าหลายเดือน หรือใช้บ้านผิดวัตถุประสงค์
ห้ามตัดน้ำ-ไฟ แม้ผู้เช่าค้างจ่าย
ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิ์ตัดน้ำประปาหรือไฟฟ้าเพื่อลงโทษผู้เช่า แม้ผู้เช่าจะค้างชำระค่าเช่าหลายเดือนก็ตาม การตัดบริการสาธารณูปโภคถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้เช่า
หากต้องการยุติสัญญา ผู้ให้เช่าต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เช่น ออกหนังสือแจ้งเตือน และฟ้องศาลขอคำสั่งขับไล่
เนื้อหาที่ควรมีในสัญญาเช่าบ้าน
ถึงแม้ผู้ให้เช่าจะไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.ฎ. โดยตรง แต่การทำสัญญาเช่าให้ชัดเจนก็เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง
รายละเอียดที่ควรระบุในสัญญา ได้แก่:
- รายชื่อและที่อยู่ของผู้ให้เช่าและผู้เช่า
- รายละเอียดทรัพย์สินที่ให้เช่า พร้อมรูปถ่ายแนบ
- ค่าเช่ารายเดือน วันครบกำหนดการชำระ
- ค่าประกันหรือมัดจำ และเงื่อนไขการคืนเงิน
- ระยะเวลาเช่า เริ่มต้น–สิ้นสุด
- เงื่อนไขการซ่อมแซมบ้าน
- เงื่อนไขการยกเลิกหรือบอกเลิกสัญญา
- การต่ออายุสัญญา หรือเงื่อนไขการไม่ต่ออายุ
- ข้อตกลงเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยร่วม สัตว์เลี้ยง หรือการใช้งานบ้าน
ปัญหาที่พบบ่อยในการเช่าบ้าน
ไม่คืนค่ามัดจำหลังสิ้นสุดสัญญา
เจ้าของบ้านบางรายอ้างความเสียหายของทรัพย์สินโดยไม่มีหลักฐาน ทำให้ผู้เช่าไม่ได้รับค่ามัดจำคืน
แนวทางป้องกันคือ ทำบันทึกสภาพบ้านและรายการทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังการเช่า พร้อมรูปถ่ายประกอบ
เก็บค่าใช้จ่ายเกินจริง
มีผู้ให้เช่าบางรายเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินจริง หรือคิดแบบเหมาโดยไม่มีหลักฐานการคิดค่าใช้จ่าย
ผู้เช่าควรขอหลักฐานการเรียกเก็บบิลจากหน่วยงานรัฐเพื่อใช้ตรวจสอบ และให้ระบุวิธีคิดค่าใช้จ่ายในสัญญาอย่างชัดเจน
ไล่ผู้เช่าออกทันทีโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
เจ้าของบ้านบางรายต้องการใช้บ้านคืนทันที และไล่ผู้เช่าออกโดยไม่มีระยะเวลาแจ้งล่วงหน้า
ควรกำหนดในสัญญาให้ชัดว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบอกเลิกสัญญาได้โดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
ไม่ออกใบเสร็จค่าเช่า
ผู้ให้เช่าบางรายไม่ออกใบเสร็จหรือหลักฐานการจ่ายค่าเช่า ทำให้ผู้เช่าไม่สามารถใช้ในการยื่นภาษีหรือเป็นหลักฐานได้
ควรระบุในสัญญาว่าจะออกใบเสร็จทุกเดือน และขอให้เจ้าของบ้านลงลายมือชื่อในใบรับเงิน
แนวทางของผู้ให้เช่าในการปฏิบัติตามกฎหมาย
ผู้ให้เช่าควรศึกษากฎหมายให้ละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น:
- ทำสัญญาเช่าที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกประเด็น
- แจ้งรายได้จากค่าเช่าในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี
- คิดค่าใช้จ่ายตามความจริง และออกใบเสร็จอย่างโปร่งใส
- หลีกเลี่ยงการใช้เงื่อนไขที่เอาเปรียบผู้เช่า เช่น ค่าปรับเกินจริง
- เตรียมหลักฐานกรณีเกิดข้อพิพาท เช่น รูปถ่ายหรือบันทึกการสื่อสาร
ตัวอย่างสัญญาเช่าแบบย่อ (อ้างอิงจากกฎหมายใหม่)
- ผู้เช่า: นายสมชาย ใจดี
- ผู้ให้เช่า: นางสาวสมนึก ใจเย็น
- รายการทรัพย์สิน: บ้านเดี่ยวเลขที่ 99/1 ซอยสุขใจ
- ค่าเช่า: เดือนละ 12,000 บาท
- ค่ามัดจำ: 1 เดือน (12,000 บาท)
- ระยะเวลาเช่า: 1 มกราคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568
- ค่าน้ำค่าไฟ: คิดตามบิลจริง
- ผู้เช่าสามารถยกเลิกโดยแจ้งล่วงหน้า 30 วัน
- ผู้ให้เช่าคืนเงินมัดจำภายใน 7 วันหลังสิ้นสุดสัญญา
ข้อควรระวังเพิ่มเติมในปี 2568
หากให้เช่าบ้านผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Airbnb หรือ Booking.com ควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น กฎหมายโรงแรม หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ
นอกจากนี้ควรตรวจสอบเอกสารของผู้เช่าก่อนทำสัญญา เช่น บัตรประชาชน หนังสือรับรองการทำงาน หรือทะเบียนบ้าน เพื่อความปลอดภัย
อย่าระบุเงื่อนไขในสัญญาที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น ห้ามผู้เช่าเลิกสัญญาโดยเด็ดขาด หรือคิดค่าปรับสูงเกินจริง เพราะอาจเป็นโมฆะและถูกดำเนินคดีได้
สรุป
กฎหมายสัญญาเช่าบ้านฉบับใหม่ปี 2568 เป็นความพยายามของรัฐในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค และสร้างความสมดุลให้แก่ตลาดเช่าที่อยู่อาศัย
ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าควรศึกษาเนื้อหากฎหมายและทำสัญญาให้ชัดเจนทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างราบรื่น