“รีไฟแนนซ์บ้าน” เป็นคำที่หลายคนคุ้นหู โดยเฉพาะผู้ที่กู้ซื้อบ้านหรือคอนโดไปแล้วหลายปี การรีไฟแนนซ์คือการเปลี่ยนแปลงสัญญากู้จากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ (หรือเจรจาเงื่อนไขกับธนาคารเดิม) เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยต่ำลง ผ่อนสบายขึ้น และลดภาระในระยะยาว
แต่หลายคนอาจสงสัยว่า การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นต้องเสียค่าอะไรบ้าง? เพราะแม้จะได้ดอกเบี้ยต่ำลง แต่หากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป อาจไม่คุ้มค่า การตัดสินใจรีไฟแนนซ์จึงควรมีข้อมูลครบถ้วน
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริงจากการรีไฟแนนซ์บ้าน พร้อมเคล็ดลับวางแผนการเงินให้คุ้มที่สุด
การรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?
การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือการเปลี่ยนเงินกู้บ้านจากธนาคารหนึ่งไปยังอีกธนาคารหนึ่ง เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น ดอกเบี้ยต่ำกว่า ระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสม หรือวงเงินกู้เพิ่มเติม
ประโยชน์หลักของการรีไฟแนนซ์ ได้แก่
- ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
- ลดค่างวดผ่อนต่อเดือน
- เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
- ใช้โอกาสในการกู้ใหม่เพื่อปรับเงื่อนไขสัญญา
รีไฟแนนซ์บ้าน เสียค่าอะไรบ้าง?
แม้การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ควรรู้และเตรียมไว้ ดังนี้
1. ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
- ธนาคารใหม่จะส่งเจ้าหน้าที่หรือบริษัทประเมินราคาไปตรวจสอบบ้านหรือคอนโดของคุณ
- ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 – 5,000 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเล)
- ค่าประเมินนี้เพื่อให้ธนาคารมั่นใจว่ามูลค่าหลักประกันเพียงพอกับวงเงินกู้
2. ค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญา (Prepayment Fee)
- หากยังอยู่ในช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่น 3 ปีแรก แล้วรีไฟแนนซ์ก่อนครบกำหนด ธนาคารเดิมอาจเรียกเก็บค่าปรับการปิดบัญชี
- อัตราประมาณ 2-3% ของยอดหนี้คงเหลือ
- ตัวอย่าง: ถ้ายอดหนี้เหลือ 2,000,000 บาท อาจเสียค่าปรับสูงถึง 40,000 – 60,000 บาท
3. ค่าจดจำนองกับกรมที่ดิน
- ต้องชำระค่าธรรมเนียมจดจำนองใหม่ให้กับกรมที่ดิน
- อัตรา 1% ของยอดเงินกู้ใหม่ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
- เช่น กู้ใหม่ 2,500,000 บาท ต้องจ่ายค่าจดจำนอง 25,000 บาท
4. ค่าอากรแสตมป์
- เรียกเก็บ 0.05% ของยอดเงินกู้
- เช่น วงเงินกู้ 2,000,000 บาท ต้องเสียอากรแสตมป์ 1,000 บาท
5. ค่าธรรมเนียมการโอนเอกสาร/ค่าทนาย
- บางธนาคารอาจมีค่าใช้จ่ายในการจัดการเอกสาร ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย หรือค่าทนาย
- อยู่ที่ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท
6. ค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA/MLTA) – ไม่บังคับ
- บางธนาคารอาจแนะนำให้ทำประกัน MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) คุ้มครองหนี้กรณีเสียชีวิต
- ค่าเบี้ยขึ้นอยู่กับอายุผู้กู้และวงเงินกู้ เช่น วงเงิน 2 ล้านบาท เบี้ยอาจอยู่ที่ 100,000 – 200,000 บาท
- ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายบังคับ แต่ถ้าซื้ออาจช่วยให้ได้ดอกเบี้ยพิเศษ
7. ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
- ค่าถ่ายเอกสาร ค่าเดินทาง ค่าธรรมเนียมโอนเงิน
- มักไม่เกินหลักพันบาท
รวมค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านโดยประมาณ
รายการค่าใช้จ่าย | ประมาณการค่าใช้จ่าย |
---|---|
ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ | 2,000 – 5,000 บาท |
ค่าปรับปิดบัญชี (ถ้ามี) | 2-3% ของยอดหนี้คงเหลือ |
ค่าจดจำนองใหม่ | 1% ของยอดกู้ (ไม่เกิน 200,000) |
ค่าอากรแสตมป์ | 0.05% ของยอดกู้ |
ค่าธรรมเนียมเอกสาร/ค่าทนาย | 2,000 – 5,000 บาท |
ค่าเบี้ย MRTA (ถ้าเลือกซื้อ) | ขึ้นกับอายุและวงเงินกู้ |
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ | 500 – 2,000 บาท |
คุ้มไหมที่จะรีไฟแนนซ์บ้าน?
การรีไฟแนนซ์คุ้มค่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก
- ดอกเบี้ยใหม่ที่ได้รับ – หากลดลงมากกว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไป การรีไฟแนนซ์ก็คุ้ม
- ระยะเวลาที่เหลือของสัญญา – ถ้ายังผ่อนอีกนาน เช่น 10-20 ปี ผลประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงจะสูง
ตัวอย่างคำนวณ:
- ยอดหนี้คงเหลือ 2,000,000 บาท
- ดอกเบี้ยเดิม 6% → ดอกเบี้ยปีละ 120,000 บาท
- ดอกเบี้ยใหม่ 3% → ดอกเบี้ยปีละ 60,000 บาท
- ประหยัดได้ 60,000 บาทต่อปี
แม้เสียค่าจดจำนองและค่าใช้จ่ายรวม 30,000 บาท ก็ยังคุ้มค่า เพราะภายในปีเดียวสามารถประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมด
เคล็ดลับรีไฟแนนซ์บ้านให้คุ้มที่สุด
- รอครบ 3 ปีแรกก่อนรีไฟแนนซ์ – เพื่อลดความเสี่ยงเสียค่าปรับปิดบัญชี
- เปรียบเทียบหลายธนาคาร – อย่าดูแค่ดอกเบี้ย แต่ต้องดูค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขอื่นๆ ด้วย
- คำนวณความคุ้มค่าอย่างละเอียด – รวมทั้งค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยที่จะประหยัดได้
- เจรจากับธนาคารเดิม – บางครั้งเพียงแค่ยื่นขอปรับดอกเบี้ย ธนาคารเดิมก็อาจเสนอเงื่อนไขใหม่ที่ดีพอ
- เตรียมเอกสารให้พร้อม – เช่น สัญญากู้เดิม โฉนดบ้าน บัตรประชาชน เอกสารการเงิน เพื่อให้กระบวนการรวดเร็ว
สรุป
การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ช่วยลดดอกเบี้ยและภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือการรู้ว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมเอกสาร และอาจรวมถึงค่าปรับปิดบัญชี หากยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ ควรเปรียบเทียบเงื่อนไข คำนวณความคุ้มค่า และเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม หากทำได้ถูกจังหวะ การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้คุณประหยัดดอกเบี้ยได้หลายแสนบาทในระยะยาว