ในแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานคร หนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ “รถไฟฟ้าสายสีเทา” หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อสายโมโนเรลขนาดเบา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ เข้ากับย่านใจกลางเมืองและฝั่งธนบุรี เพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่หนาแน่นและตอบโจทย์การเดินทางของประชาชนในอนาคต
รถไฟฟ้าสายสีเทาได้รับการออกแบบให้เป็นรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว (Monorail) ที่มีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับพื้นที่แคบหรือแนวถนนที่มีการจราจรหนาแน่น โดยตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก ได้แก่ ช่วงวัชรพล–ทองหล่อ และช่วงพระโขนง–ท่าพระ รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 39 กิโลเมตร
ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา
ในปี 2568 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทามีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวัชรพล–ทองหล่อ ซึ่งถือเป็นระยะที่ 1 ของโครงการ และมีรายละเอียดดังนี้
- โครงการผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว
- อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP
- กรุงเทพมหานครได้มีมติให้โอนโครงการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน
- คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลภายในปี 2568
- วางแผนก่อสร้างในปี 2569 และใช้เวลาประมาณ 4 ปี
- คาดเปิดให้บริการในช่วงปี 2573
ในส่วนของช่วงพระโขนง–ท่าพระ ซึ่งเป็นระยะที่ 2 ของโครงการ ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและเตรียมเสนอของบประมาณ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงปี 2578 หากไม่มีการล่าช้า
รายละเอียดเส้นทางและสถานีสำคัญ
ระยะที่ 1: ช่วงวัชรพล–ทองหล่อ
ระยะทางประมาณ 16.3 กิโลเมตร ประกอบด้วย 15 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ เข้าสู่ย่านธุรกิจกลางเมือง โดยเริ่มต้นจากสถานีวัชรพล และสิ้นสุดที่สถานีทองหล่อ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีทองหล่อ และรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีวัชรพล
ระยะที่ 2: ช่วงพระโขนง–ท่าพระ
ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร วิ่งต่อจากสถานีทองหล่อผ่านพระโขนง พระราม 3 สู่ฝั่งธนบุรีที่สถานีท่าพระ มีจุดเชื่อมต่อสำคัญกับสายสีส้ม สีน้ำเงิน และสายสีทองในอนาคต
ความสำคัญของโครงการสายสีเทา
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาถือเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางข้ามเขตเมืองได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องพึ่งพาการจราจรบนท้องถนน
นอกจากนี้ สายสีเทายังถือเป็นเส้นทางที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวเส้นทาง เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ต่างๆ ทั้งในด้านที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง
จุดเด่นของระบบโมโนเรลสายสีเทา
รถไฟฟ้าสายสีเทาจะใช้เทคโนโลยีโมโนเรล ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้
- ใช้พื้นที่ก่อสร้างน้อย เหมาะกับถนนที่มีความแคบ
- เสียงรบกวนน้อย และลดการสั่นสะเทือน
- ใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- มีความปลอดภัยสูง และระบบควบคุมอัตโนมัติ
โครงสร้างของรางจะอยู่บนเสาตอม่อสูงเหนือพื้นดิน คล้ายคลึงกับสายสีชมพูและสีเหลืองที่เปิดให้บริการไปก่อนหน้านี้ ทำให้สามารถใช้พื้นที่ใต้ทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กำหนดการเปิดให้บริการ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาในช่วงวัชรพล–ทองหล่อ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2569 โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 4 ปี และเปิดให้บริการภายในปี 2573 ส่วนช่วงพระโขนง–ท่าพระ คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2578
การเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น
รถไฟฟ้าสายสีเทาจะเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ได้ถึง 5 สาย ดังนี้
- สายสีชมพู ที่สถานีวัชรพล
- สายสีน้ำตาล ที่คลองลำเจียก
- สายสีเหลือง ที่ฉลองรัช
- สายสีส้ม ที่พระราม 9
- สายสีเขียว ที่ทองหล่อ
การเชื่อมต่อดังกล่าวช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางข้ามเมืองได้สะดวกมากขึ้น ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ความท้าทายของโครงการ
แม้ว่าโครงการจะมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น
- การจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม
- ความซับซ้อนของการบริหารจัดการร่วมระหว่างรัฐและเอกชน (PPP)
- การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
- การดำเนินการให้เป็นไปตามแผนและเวลาอย่างเคร่งครัด
การดำเนินโครงการให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลาและงบประมาณจะเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของโครงการนี้ในระยะยาว
สรุป
รถไฟฟ้าสายสีเทาถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสำคัญในโครงข่ายคมนาคมของกรุงเทพฯ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในเขตเมือง พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมในช่วงวัชรพล–ทองหล่อ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2573 และช่วงพระโขนง–ท่าพระ ภายในปี 2578
ในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จะกลายเป็นเส้นเลือดหลักอีกสายหนึ่งที่ช่วยเชื่อมต่อการเดินทางในกรุงเทพฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการเติบโตของเมือง และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทุกกลุ่ม