การซื้อบ้านคือหนึ่งในความฝันสำคัญของคนไทย แต่การมีบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมาพร้อมภาระทางการเงินระยะยาว คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “ผ่อนบ้านกี่ปี?” และ “จะมีวิธีไหนไหมที่ทำให้เราผ่อนหมดเร็วขึ้น?”
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับระยะเวลาการผ่อนบ้าน ปัจจัยที่ควรรู้ก่อนกู้ซื้อบ้าน พร้อมเทคนิคบริหารเงินและ เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดภายใน 10 ปี แบบไม่เครียดและไม่กระทบคุณภาพชีวิตครับ
ระยะเวลาผ่อนบ้านทั่วไป
ธนาคารส่วนใหญ่ในไทยจะให้วงเงินกู้ซื้อบ้านพร้อมระยะเวลาผ่อนชำระอยู่ที่ สูงสุด 30 ปี หรือจนกว่าผู้กู้จะมีอายุครบ 70 ปี (ขึ้นอยู่กับธนาคาร) โดยปกติจะมีตัวเลือกหลัก ๆ ดังนี้:
- ผ่อน 10 ปี
- ผ่อน 15 ปี
- ผ่อน 20 ปี
- ผ่อน 25 ปี
- ผ่อน 30 ปี
ตัวอย่าง:
หากคุณซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท กู้เต็มจำนวน ผ่อน 30 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6% ต่อปี ค่างวดต่อเดือนจะประมาณ 18,000 – 20,000 บาท (ขึ้นอยู่กับช่วงอัตราดอกเบี้ย)
ข้อดีของการผ่อนระยะยาว vs ผ่อนระยะสั้น
ประเภท | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
ผ่อนระยะยาว (20-30 ปี) | ค่างวดต่อเดือนน้อย เหมาะกับรายได้ปานกลางถึงน้อย | จ่ายดอกเบี้ยรวมสูงมากในระยะยาว |
ผ่อนระยะสั้น (10-15 ปี) | ดอกเบียน้อยลง จ่ายหมดเร็ว | ค่างวดต่อเดือนสูง ต้องบริหารเงินดี |
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาผ่อนบ้าน
- อายุผู้กู้
ธนาคารมักจำกัดอายุสูงสุดไม่เกิน 70 ปี เช่น หากคุณอายุ 40 ปี จะผ่อนได้ไม่เกิน 30 ปี (อาจน้อยลงตามเงื่อนไขบางธนาคาร) - รายได้ต่อเดือน
รายได้มาก ผ่อนได้มาก โอกาสกู้ผ่านง่ายขึ้น ธนาคารจะพิจารณาสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ไม่เกิน 40-50% - ภาระหนี้สินอื่น
หนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือภาระกู้เรียน มีผลต่อวงเงินอนุมัติและระยะเวลาผ่อน - ประเภทสินเชื่อ
สินเชื่อที่อยู่อาศัยแต่ละธนาคารมีเงื่อนไขต่างกัน บางแห่งให้ผ่อนนาน บางแห่งเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษเฉพาะช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น
แม้ธนาคารจะอนุมัติให้ผ่อนได้ถึง 30 ปี แต่ไม่มีข้อห้ามว่าคุณต้องผ่อนให้ครบ! หากบริหารการเงินดี คุณสามารถ ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น ได้ โดยมีข้อดีคือ
- เสียดอกเบี้ยน้อยลง
- เป็นเจ้าของบ้านเร็วขึ้น
- ปลดภาระหนี้เพื่อวางแผนการเงินอื่น
✅ ผ่อนบ้านยังไงให้หมดภายใน 10 ปี
การผ่อนบ้านหมดภายใน 10 ปี ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หากคุณวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด ลองดูเทคนิคเหล่านี้:
1. เลือกผ่อนสั้นตั้งแต่ต้น (10-15 ปี)
หากคุณมีรายได้มั่นคงและสามารถจ่ายค่างวดสูงได้ เลือกผ่อนสั้นไปเลย ค่างวดอาจสูงกว่าแต่ระยะเวลาน้อยลง และดอกเบี้ยรวมถูกกว่าอย่างมาก
2. โปะเงินต้นเพิ่มทุกปี
หากคุณได้โบนัสหรือเงินก้อน เช่น คืนภาษี หรือรายได้เสริม ให้ใช้บางส่วนโปะเงินต้น โดยเฉพาะใน 3-5 ปีแรก ซึ่งดอกเบี้ยยังสูงอยู่ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยมหาศาล
ตัวอย่าง:
ถ้าโปะเพิ่ม 50,000 บาทต่อปีในปีที่ 1-5 อาจลดระยะเวลาผ่อนได้ถึง 5 ปีเลยทีเดียว
3. เปลี่ยนธนาคาร รีไฟแนนซ์
หลังผ่อนมาแล้วประมาณ 3 ปีแรก ควรเช็กดอกเบี้ยใหม่ เพราะอัตราดอกเบี้ยจะลอยตัว รีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นที่ให้ดอกเบี้ยต่ำลง เพื่อประหยัดค่างวดหรือเพิ่มเงินโปะ
4. ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มเงินผ่อน
การตัดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน หรือของฟุ่มเฟือยเดือนละ 3,000-5,000 บาท แล้วนำเงินส่วนนั้นมาโปะบ้าน จะช่วยลดเวลาในการผ่อนได้อย่างเห็นผล
5. หารายได้เสริม
หากคุณมีความสามารถพิเศษ เช่น สอนพิเศษ ขายของออนไลน์ หรือฟรีแลนซ์ งานเสริมที่มั่นคงจะช่วยให้มีเงินโปะเพิ่มได้ต่อเนื่อง
ข้อควรระวังในการเร่งผ่อนบ้าน
- อย่าเร่งจนลืมเก็บเงินฉุกเฉิน
ควรมีเงินสำรองไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย - อย่ากดดันตนเองเกินไป
การผ่อนบ้านหมดเร็วไม่ควรเป็นภาระจนทำให้คุณเครียด หรือกระทบคุณภาพชีวิต - ระวังดอกเบี้ยลอยตัว
ถ้าเลือกผ่อนเร็วแล้วคิดจะโปะ ต้องวางแผนรับมือดอกเบี้ยลอยตัวหลังหมดโปรโมชั่น
เปรียบเทียบตัวอย่างการผ่อนบ้าน 3 รูปแบบ
รายละเอียด | ผ่อน 30 ปี | ผ่อน 20 ปี | ผ่อนหมดใน 10 ปี |
---|---|---|---|
ราคาบ้าน | 3 ล้านบาท | 3 ล้านบาท | 3 ล้านบาท |
ดอกเบี้ยเฉลี่ย | 6% ต่อปี | 6% ต่อปี | 6% ต่อปี |
ค่างวด/เดือน | ~18,000 บาท | ~21,500 บาท | ~33,300 บาท |
ดอกเบี้ยรวมโดยประมาณ | 3.5 ล้านบาท | 2.15 ล้านบาท | 1 ล้านบาท |
ดอกเบี้ยที่ประหยัด | – | ~1.35 ล้านบาท | ~2.5 ล้านบาท |
สรุป
คำถามว่า “ผ่อนบ้านกี่ปี?” ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับรายได้ ไลฟ์สไตล์ และความสามารถในการผ่อน แต่หากคุณวางแผนการเงินอย่างดี และใช้เทคนิคการโปะเงินหรือรีไฟแนนซ์ การ ปลดหนี้บ้านให้หมดภายใน 10 ปี ก็เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ และช่วยให้คุณมีอิสระทางการเงินเร็วขึ้น
บ้าน คือหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าและเปลี่ยนชีวิตคุณได้ แต่การวางแผนผ่อนบ้านอย่างชาญฉลาดจะทำให้บ้านหลังนั้นไม่กลายเป็นภาระ แต่เป็น “ทรัพย์” ที่สร้างความมั่นคงให้คุณในระยะยาว