การใช้ชีวิตคู่สมัยใหม่ หลายคนเลือกอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงาน หรือแม้ไม่คิดจดทะเบียนสมรส ก็ยังมีเป้าหมายร่วมกัน เช่น “ซื้อบ้าน” ไว้ใช้เป็นเรือนหอหรือทรัพย์สินลงทุนร่วมกัน แต่การตัดสินใจนี้ มีประเด็นด้านกฎหมายและภาระผูกพันที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
1. ไม่จดทะเบียน = ไม่มี “สิทธิสามีภริยา” ในทางกฎหมาย
ในกรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายไม่อยู่ภายใต้กฎหมายครอบครัว จึงไม่มีสิทธิในการแบ่งสินสมรสหรือทรัพย์สินร่วมตามกฎหมาย
ผลกระทบ:
- ไม่มีสิทธิอัตโนมัติในบ้านหรือที่ดินของอีกฝ่าย แม้จะร่วมกันผ่อนหรือตกแต่ง
- หากเกิดการเลิกรา คนที่ไม่มีชื่อในโฉนดหรือสัญญากู้ อาจไม่มีสิทธิใด ๆ ต่อบ้าน
2. การกู้ร่วมโดยไม่ได้จดทะเบียน
หลายธนาคาร “อนุญาตให้กู้ร่วม” แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เช่น คู่รัก เพื่อน หรือญาติ โดยทั้งสองต้องมีคุณสมบัติด้านรายได้ และเครดิต
สิ่งที่ควรรู้:
- หากเป็นเจ้าของร่วม ต้องระบุชื่อในโฉนดทั้งสองคน
- หากกู้ร่วมแต่มีชื่อคนเดียวในโฉนด อีกฝ่ายไม่มีสิทธิในทรัพย์สินนั้น
- หากคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ทรัพย์สินจะตกเป็นของทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิต ไม่ใช่อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
3. การใส่ชื่อในโฉนด ต้องตกลงให้ชัดเจน
โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือกรรมสิทธิ์บ้าน เป็นเอกสารสำคัญที่กำหนดความเป็นเจ้าของ การใส่ชื่อใครลงในโฉนด จึงควรตกลงอย่างชัดเจนก่อนซื้อ
แนวทาง:
- ใส่ชื่อทั้งสองคนในโฉนด แบ่งสัดส่วนตามเงินที่ลงทุน
- ทำ สัญญาร่วมลงทุน หรือ ข้อตกลงล่วงหน้า ว่าหากเลิกรา จะแบ่งบ้านอย่างไร
4. ทำ “หนังสือข้อตกลงร่วมลงทุน” หรือ “สัญญากู้ร่วม”
การมีเอกสารระบุเจตนาและสิทธิในบ้าน เป็นหลักฐานสำคัญหากมีข้อพิพาทในอนาคต เช่น
- ระบุว่าใครจ่ายเท่าไร
- ใครถือกรรมสิทธิ์เท่าไร
- หากเลิกรา จะขายหรือโอนให้ใคร
- จะแบ่งเงินหลังขายอย่างไร
สามารถทำผ่านทนายหรือนิติกร เพื่อความถูกต้องทางกฎหมาย
5. หากเลิกรา บ้านจะจัดการอย่างไร?
หากบ้านเป็นทรัพย์สินร่วม หรือมีสัญญากู้ร่วม การเลิกรากันอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น
- ไม่สามารถขายได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ยินยอม
- ฝ่ายหนึ่งหยุดผ่อน ส่งผลต่อเครดิตอีกฝ่าย
- จำเป็นต้องขายและแบ่งเงิน หรือตกลงโอนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หากไม่สามารถตกลงกันได้ อาจต้องนำคดีขึ้นศาลเพื่อพิจารณาแบ่งทรัพย์
6. วางแผนระยะยาว: พินัยกรรมและการโอนกรรมสิทธิ์
เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต บ้านจะไม่ตกเป็นของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ดังนั้น:
- ควร ทำพินัยกรรม ระบุชัดเจนว่าให้บ้านหรือสิทธิในบ้านตกเป็นของอีกฝ่าย
- หรือ โอนกรรมสิทธิ์ล่วงหน้า (บางส่วน) เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
สรุป
การซื้อบ้านร่วมกัน โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ได้ผิด แต่มีข้อควรระวังหลายด้าน ทั้งเรื่องสิทธิในทรัพย์สิน กฎหมายการกู้ การถือกรรมสิทธิ์ และผลกระทบในอนาคต
คำแนะนำ:
ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านร่วมกัน ควร:
✅ พูดคุยและตกลงกันให้ชัดเจน
✅ มีเอกสารยืนยัน เช่น สัญญาร่วมลงทุน
✅ วางแผนทางกฎหมาย เช่น พินัยกรรม
✅ ปรึกษาทนายความ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสิทธิตามที่ตกลงไว้