“คอนโดเงินเหลือ” เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยในวงการอสังหาฯ โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนมือใหม่ที่อยากมีเงินทุนหมุนเวียนต่อยอด แต่แท้จริงแล้วแนวคิดนี้มีทั้ง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ซ่อนอยู่
หลายคนเข้าใจว่า “คอนโดเงินเหลือ” หมายถึงการกู้ธนาคารซื้อคอนโด แล้วได้เงินส่วนต่างกลับมาหลังจากทำสัญญา ซึ่งในบางกรณีถือว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ถูกต้อง แต่ในบางรูปแบบอาจเข้าข่าย การยื่นข้อมูลเท็จ หรือ หลอกลวงธนาคาร ได้
บทความนี้จะอธิบายให้ชัดว่า “คอนโดเงินเหลือ” คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ใช้อย่างไรให้ถูกต้อง และควรระวังอะไรบ้างก่อนจะตัดสินใจกู้
💡 คอนโดเงินเหลือ คืออะไร?
คอนโดเงินเหลือ (Cash Back Condo) คือการซื้อคอนโดโดยใช้สินเชื่อจากธนาคาร และหลังจากโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ผู้ซื้อจะได้เงินสดส่วนหนึ่งกลับมา จากส่วนต่างของวงเงินกู้กับราคาซื้อขายจริง
เช่น
- ราคาขายคอนโด 1,000,000 บาท
- ธนาคารประเมินราคาคอนโดไว้ที่ 1,200,000 บาท
- ธนาคารปล่อยกู้ 100% ของราคาประเมิน (1.2 ล้านบาท)
เมื่อโอนกรรมสิทธิ์เสร็จ ผู้ซื้อชำระให้ผู้ขาย 1 ล้านบาท และเหลือเงินสดในมืออีก 200,000 บาท — นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “เงินเหลือจากคอนโด”
🏠 ทำไมคนถึงนิยม “คอนโดเงินเหลือ”?
- ใช้เป็นเงินหมุนต่อยอดลงทุน
หลายคนใช้เงินส่วนนี้ไปดาวน์คอนโดอีกห้อง ซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้เป็นทุนหมุนในธุรกิจส่วนตัว - ลดภาระค่าใช้จ่ายตอนแรกเริ่ม
ผู้ซื้อบางคนอาจใช้เงินเหลือมาชำระค่าตกแต่งห้องหรือผ่อนค่างวดล่วงหน้า - เป็นเครื่องมือเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
โดยเฉพาะในกลุ่มนักเก็งกำไรที่ต้องหมุนเงินอย่างต่อเนื่อง
⚖️ คอนโดเงินเหลือ “ถูกกฎหมายไหม”?
คำตอบคือ “ไม่ผิดกฎหมาย” หากทำอย่างโปร่งใสและถูกวิธี
แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนโดนแบงก์หรือกรมสอบสวนกลางเรียกสอบ คือการ ปั่นราคาหรือยื่นข้อมูลเท็จ ให้ธนาคารประเมินราคาสูงกว่าความจริง เพื่อให้ได้วงเงินกู้เกินมูลค่าจริงของทรัพย์สิน
ตัวอย่างเช่น
- ผู้ขายและผู้ซื้อสมรู้ร่วมคิด แจ้งราคาซื้อขายสูงกว่าความเป็นจริง
- มีนายหน้าช่วย “จัดไฟแนนซ์” ให้ได้ยอดสูง เพื่อให้ผู้ซื้อได้เงินเหลือ
กรณีนี้เข้าข่าย “ฉ้อโกงธนาคาร” มีโทษทั้งจำและปรับ
🧾 รูปแบบของคอนโดเงินเหลือ
- เงินเหลือจากส่วนต่างราคาประเมินจริง
- เป็นรูปแบบถูกต้อง เช่น ธนาคารประเมินสูงกว่าราคาขายจริงตามตลาด
- ผู้ซื้อได้เงินส่วนต่างโดยไม่ได้ยื่นข้อมูลเท็จ
- เงินเหลือจากการตกแต่ง/โปรโมชั่นโครงการ
- โครงการบางแห่งมีโปรโมชั่น “เงินคืนหลังโอน” เช่น คืน 3-5% ของราคาขาย
- ถือเป็นส่วนลดทางการตลาด ถูกต้องตามกฎหมาย
- เงินเหลือจากการปั่นราคาหรือใบเสนอราคาเท็จ ❌
- ผู้พัฒนาโครงการบางรายร่วมมือกับนายหน้าและผู้กู้ เพื่อทำเอกสารราคาขายปลอม
- เข้าข่ายฉ้อโกงธนาคาร มีความผิดทางอาญา
💣 ความเสี่ยงของ “คอนโดเงินเหลือ”
1. เสี่ยงติดเครดิตบูโร
หากผู้กู้ได้เงินเหลือแล้วใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ไม่ผ่อนชำระตามกำหนด หรือปล่อยเช่าขาดทุน อาจทำให้ไม่สามารถกู้สินเชื่ออื่นในอนาคตได้
2. เสี่ยงโดนฟ้องจากธนาคาร
กรณีใช้เอกสารปลอม หรือยื่นราคาซื้อขายเท็จ ธนาคารสามารถฟ้องร้องฐานฉ้อโกงได้
3. เสี่ยงตลาดคอนโดล้น
หลายคนซื้อคอนโดด้วยแนวคิด “กู้แล้วขายต่อ” แต่หากเศรษฐกิจไม่ดี อาจขายไม่ออก และต้องผ่อนต่อเอง
4. เสี่ยงหนี้สินเกินตัว
เงินเหลืออาจกลายเป็นภาระระยะยาว เพราะผู้กู้ต้องผ่อนเงินต้นและดอกเบี้ยเต็มจำนวน แม้จะได้เงินส่วนหนึ่งกลับมาก็ตาม
📉 ตัวอย่างเหตุการณ์จริง
“คุณเอ” ซื้อคอนโดราคา 1.5 ล้านบาท
ธนาคารประเมินไว้ 1.8 ล้านบาท และปล่อยกู้เต็มจำนวน
หลังจากโอน คุณเอได้เงินเหลือ 300,000 บาท
ช่วงแรกคุณเอนำเงินนั้นไปลงทุนซื้อของขายออนไลน์ แต่ธุรกิจไม่สำเร็จ แถมคอนโดยังปล่อยเช่าไม่ได้ สุดท้ายต้องผ่อนเองทุกเดือนจนขาดส่งธนาคาร 3 งวด
ธนาคารยึดทรัพย์และขายทอดตลาด กลายเป็นหนี้เสีย และเสียเครดิตบูโรไป 3 ปี
🧠 วิธีใช้ “คอนโดเงินเหลือ” อย่างปลอดภัย
- อย่ายื่นเอกสารปลอม
ให้ใช้ราคาซื้อขายจริง และให้ธนาคารประเมินตามความเป็นจริงเท่านั้น - ตรวจสอบโครงการที่น่าเชื่อถือ
เลือกซื้อจากโครงการที่จดทะเบียนถูกต้อง มีใบอนุญาตครบ - ใช้เงินเหลืออย่างมีแผน
- ลงทุนที่มีผลตอบแทนชัดเจน
- ไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะต้องผ่อนระยะยาว
- ศึกษาสัญญาให้ละเอียด
โดยเฉพาะเงื่อนไขการโอนเงินคืน หรือโปรโมชั่น “เงินคืนหลังโอน” ควรมีเอกสารรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร
💬 มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
นักวิเคราะห์อสังหาฯ หลายรายมองว่า “คอนโดเงินเหลือ” เป็นกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้ ถ้ามีการวางแผนทางการเงินที่ดี และ ไม่ฝืนศักยภาพหนี้ของตนเอง
แต่สำหรับผู้ซื้อทั่วไป ควรระวังการโฆษณาเกินจริง เช่น “ซื้อวันนี้ได้เงินคืนหลักแสน” เพราะเบื้องหลังอาจมีการปั่นราคาหรือจัดไฟแนนซ์ไม่โปร่งใส
📊 สรุปข้อดี-ข้อเสียของคอนโดเงินเหลือ
ประเภท | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
✅ การกู้ถูกต้อง | ได้เงินหมุนเวียน | ผ่อนนาน ดอกเบี้ยสูง |
⚠️ การปั่นราคา | ได้เงินก้อนใหญ่ | เสี่ยงผิดกฎหมาย |
💼 โปรโมชั่นจากโครงการ | เหมือนได้ส่วนลด | อาจมีเงื่อนไขซ่อนเร้น |
💬 บทสรุป
“คอนโดเงินเหลือ” ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเข้าใจและใช้ให้ถูกวิธี
แต่หากหลงเชื่อการปั่นราคาหรือข้อมูลปลอม นอกจากจะเสี่ยงผิดกฎหมาย ยังอาจกลายเป็นภาระทางการเงินที่ยาวนาน
ก่อนตัดสินใจกู้ควรถามตัวเองว่า
- ซื้อเพื่ออยู่หรือเพื่อเก็งกำไร?
- ถ้าห้องปล่อยเช่าไม่ได้ จะผ่อนได้ไหม?
- มีแผนใช้เงินเหลืออย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด?
การลงทุนในคอนโดควรเป็นการวางแผนอย่างมีสติ ไม่ใช่การเสี่ยงเพื่อหวังเงินก้อนระยะสั้น เพราะสุดท้าย “หนี้ก็คือหนี้” หากบริหารไม่ดี เงินเหลืออาจกลายเป็นภาระมากกว่าโอกาส