การซื้อบ้านด้วยสินเชื่อธนาคารเป็นเรื่องปกติในชีวิตของคนไทยจำนวนมาก และเมื่อถึงวันหนึ่งที่คุณผ่อนบ้านครบตามสัญญา หรือมีความต้องการจะขายต่อบ้านที่ยังมีภาระกับธนาคาร สิ่งที่ต้องรู้และเข้าใจก็คือ “ขั้นตอนการโอนบ้านจากธนาคาร” ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญทางกฎหมายที่ส่งผลต่อสิทธิ์การถือครองอย่างสมบูรณ์ของคุณ
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านจากธนาคาร พร้อมอธิบายค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมตัว เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
โอนบ้านจากธนาคารคืออะไร?
เมื่อคุณซื้อบ้านผ่านสินเชื่อธนาคาร ธนาคารจะถือ “กรรมสิทธิ์” ในบ้านหรือคอนโดนั้นไว้เป็นหลักประกันหนี้ หากผ่อนครบหรือมีการขายบ้าน ผู้ซื้อหรือผู้กู้ต้องดำเนินการ “ไถ่ถอนจำนอง” ก่อน จากนั้นจึงสามารถ “โอนกรรมสิทธิ์” ได้อย่างสมบูรณ์
กรณีที่ต้องโอนบ้านจากธนาคาร
- ผ่อนบ้านครบแล้ว
ผู้กู้ต้องดำเนินการไถ่ถอนจำนองและโอนกรรมสิทธิ์บ้านคืนจากธนาคาร - ขายบ้านต่อให้ผู้อื่น
บ้านที่ยังติดจำนองธนาคารต้องดำเนินการโอนและเคลียร์ภาระหนี้ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อ - เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์
เช่น โอนให้บุตร คู่สมรส หรือกรณีมรดก ต้องดำเนินการผ่านธนาคารหากยังมีจำนอง
เอกสารที่ต้องใช้ในการโอนบ้านจากธนาคาร
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเจ้าของบ้าน
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- สัญญาจำนอง/ใบเสร็จผ่อนครบ
- หนังสือปลดจำนอง (จากธนาคาร)
- ใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมและภาษี (ถ้ามี)
- หนังสือยินยอมจากคู่สมรส (หากมีการสมรส)
- เอกสารแสดงการนัดหมายจากธนาคาร (บางธนาคารมีแบบฟอร์มเฉพาะ)
ขั้นตอนการโอนบ้านจากธนาคาร
1. ติดต่อธนาคารเพื่อขอเอกสารปลดจำนอง
หากคุณผ่อนบ้านครบแล้ว ให้ติดต่อธนาคารเพื่อขอ “หนังสือปลดจำนอง” หรือ “หนังสือไถ่ถอนจำนอง” ธนาคารอาจใช้เวลา 3-7 วันในการดำเนินการเตรียมเอกสารนี้
2. นัดวันไปที่สำนักงานที่ดิน
เมื่อเอกสารพร้อมแล้ว ธนาคารจะนัดหมายวันเพื่อไปดำเนินการที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งเจ้าของบ้านต้องเดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่ธนาคาร (บางธนาคารมีตัวแทนที่ดูแลให้)
3. ดำเนินการที่สำนักงานที่ดิน
สำนักงานที่ดินจะตรวจสอบเอกสาร และทำการลงทะเบียนปลดจำนอง จากนั้นโอนกรรมสิทธิ์ให้เจ้าของบ้าน (หรือผู้ซื้อใหม่) โดยชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ณ จุดนี้
4. รับโฉนดคืน
หลังจากดำเนินการเสร็จสิ้น คุณจะได้รับโฉนดที่ดินที่ไม่มีภาระจำนอง พร้อมชื่อเจ้าของใหม่ (หากมีการเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์)
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านจากธนาคาร
✅ ค่าธรรมเนียมหลักๆ ที่ต้องจ่าย มีดังนี้:
รายการ | อัตรา/มูลค่าโดยประมาณ |
---|---|
ค่าธรรมเนียมการโอน | 2% ของราคาประเมิน |
ค่าธรรมเนียมปลดจำนอง | 0.05% ของวงเงินกู้เดิม |
ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย | คำนวณตามสูตรรายได้และระยะเวลาครอบครอง |
ค่าอากรแสตมป์ | 0.5% (ใช้กรณีไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ) |
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ | 3.3% หากถือครองไม่ถึง 5 ปี |
ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ธนาคาร (บางธนาคาร) | 1,000 – 3,000 บาท |
หมายเหตุ: ราคาประเมินขึ้นอยู่กับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ ซึ่งประเมินโดยกรมที่ดิน
ตัวอย่างการคำนวณค่าใช้จ่าย
สมมติว่าคุณซื้อบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท
ธนาคารประเมินราคาไว้ที่ 1.8 ล้านบาท
และผ่อนครบแล้ว ต้องการไถ่ถอนและโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าธรรมเนียมโอน: 2% × 1,800,000 = 36,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมปลดจำนอง: 0.05% × 2,000,000 = 1,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์: 0.5% × 1,800,000 = 9,000 บาท (หากใช้)
- ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ธนาคาร: 1,500 บาท (สมมุติ)
รวมโดยประมาณ: 47,500 บาท (ไม่รวมภาษีเงินได้)
ข้อควรระวังและคำแนะนำ
- ตรวจสอบวันนัดกับธนาคารล่วงหน้า
เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมเอกสารและโฉนดให้เรียบร้อย - เตรียมเงินสดหรือเช็ค
สำหรับชำระค่าธรรมเนียม ณ สำนักงานที่ดิน (ส่วนใหญ่ไม่รับโอนเงิน) - หากโอนต่อให้ผู้อื่น
ควรมีข้อตกลงซื้อขายชัดเจน และทำสัญญาล่วงหน้า - ให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจเอกสาร
หากมีข้อสงสัย เช่น กรณีชื่อไม่ตรง ทะเบียนบ้านย้าย เป็นต้น - กรณีบ้านที่ผ่อนไม่ครบแล้วจะขายต่อ
ผู้ซื้อสามารถกู้ซื้อจากธนาคาร และโอนหนี้ผ่านขั้นตอนเดียวกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: โอนบ้านจากธนาคารต้องไปสำนักงานที่ดินที่ไหน?
A: ไปที่สำนักงานที่ดินตามพื้นที่ที่ตั้งของบ้านหรือคอนโดนั้นๆ
Q: ต้องไปธนาคารด้วยหรือไม่?
A: ต้องติดต่อธนาคารเพื่อขอหนังสือปลดจำนอง และบางกรณีต้องมีเจ้าหน้าที่ธนาคารไปร่วมโอนด้วย
Q: ใช้เวลานานแค่ไหน?
A: หากเอกสารครบ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงที่สำนักงานที่ดิน
Q: ค่าใช้จ่ายโอนบ้านคิดจากอะไร?
A: คิดจากราคาประเมินของกรมที่ดิน ไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายจริง
สรุป
การโอนบ้านจากธนาคารเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้คุณเป็นเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง หรือสามารถขายต่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะมีค่าใช้จ่ายและเอกสารหลายอย่าง แต่หากเตรียมตัวล่วงหน้า ก็สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
หากคุณกำลังจะผ่อนบ้านครบ หรือวางแผนขายบ้านที่ยังติดจำนอง ควรศึกษาและเตรียมค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้พร้อม เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์ราบรื่นและไม่มีปัญหาภายหลัง