กู้เงินซ่อมบ้าน คืออะไร?
การกู้เงินซ่อมบ้าน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้าน คือการขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินสำหรับวัตถุประสงค์ในการปรับปรุง ซ่อมแซม ต่อเติมบ้านเดิม ไม่ว่าจะเป็นหลังคารั่ว พื้นทรุด ผนังแตกร้าว ทาสีใหม่ เปลี่ยนโครงสร้าง หรือแม้แต่ต่อเติมห้องน้ำ ห้องครัว ฯลฯ
สินเชื่อประเภทนี้จะต่างจากการกู้เพื่อซื้อบ้านหรือกู้เพื่อสร้างบ้านใหม่ เพราะเน้นการใช้จ่ายสำหรับบ้านเดิมเท่านั้น
ทำไมต้องกู้เงินซ่อมบ้าน?
แม้บางคนจะมีเงินเก็บสำหรับซ่อมบ้าน แต่การเลือกกู้เงินก็มีข้อดี เช่น:
- รักษาสภาพคล่องของเงินสด
- ผ่อนชำระได้นาน
- ดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ
- ได้บ้านใหม่ในงบที่ควบคุมได้
- เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว
โดยเฉพาะในปี 2568 ที่ธนาคารหลายแห่งออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน 2568 ที่มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขผ่อนยาว เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านที่อยากรีโนเวตบ้านหลังเดิมให้สวยเหมือนใหม่
ใครเหมาะกับการกู้เงินซ่อมบ้าน?
- บ้านเก่าที่อยู่มาเกิน 10 ปี และเริ่มมีการทรุดโทรมหรือรั่วซึม
- ผู้ที่ต้องการปรับปรุงบ้านก่อนขาย เพื่อให้ได้ราคาสูงขึ้น
- เจ้าของบ้านที่ต้องการขยายหรือต่อเติมพื้นที่ใช้สอย
- ผู้ที่อยากรีโนเวตบ้านเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ใหม่ เช่น ทำห้องทำงานเพิ่ม, ปรับเป็นบ้านผู้สูงอายุ ฯลฯ
เตรียมตัวยื่นกู้ซ่อมบ้าน
ก่อนจะยื่นขอกู้เงินซ่อมบ้าน คุณควรเตรียมข้อมูลดังนี้:
1. ประเมินงบประมาณการซ่อม
- ตรวจสอบรายการที่ต้องซ่อม เช่น หลังคา ผนัง ระบบไฟ น้ำ ฯลฯ
- ขอใบเสนอราคาจากผู้รับเหมา (BOQ)
- ประเมินงบเผื่อประมาณ 10–15% เพื่อรองรับเหตุไม่คาดคิด
2. เตรียมเอกสารให้พร้อม
- บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน
- เอกสารรายได้: สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรอง/บัญชีย้อนหลัง
- สำเนาโฉนดบ้าน/ที่ดิน
- ภาพถ่ายสภาพบ้านก่อนซ่อม
- แบบแปลนหรือใบเสนอราคาก่อสร้าง (ถ้ามี)
ประเภทของสินเชื่อซ่อมแซมบ้าน
สินเชื่อซ่อมบ้านมีอยู่หลายรูปแบบ:
1. สินเชื่อบ้านเพื่อซ่อมแซม (Home Improvement Loan)
ใช้บ้านเป็นหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าแบบไม่มีหลักทรัพย์ วงเงินสูง ผ่อนนาน
2. สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อซ่อมบ้าน
ไม่ต้องใช้หลักประกัน อนุมัติไว เหมาะกับงบไม่สูง (ไม่เกิน 500,000 บาท) ดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อบ้าน
3. รีไฟแนนซ์พร้อมขอวงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม
ผู้ที่ผ่อนบ้านอยู่แล้วสามารถรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ และขอวงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมบ้านได้
วงเงินกู้เท่าไหร่?
- ถ้ามี หลักทรัพย์ค้ำประกัน (บ้าน/ที่ดิน) วงเงินสูงสุดประมาณ 80–100% ของราคาประเมิน
- ถ้าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล วงเงินจะขึ้นอยู่กับรายได้ (โดยทั่วไปไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน)
ตัวอย่าง:
ผู้มีรายได้ 30,000 บาท/เดือน อาจกู้ได้สูงสุด 150,000 บาท โดยไม่ใช้หลักทรัพย์
ผ่อนชำระได้นานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อ:
- แบบมีหลักทรัพย์: ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี
- แบบไม่มีหลักทรัพย์: ผ่อนประมาณ 1–5 ปี
ยิ่งระยะเวลานาน ค่างวดจะยิ่งต่ำ แต่ต้องระวังเรื่องดอกเบี้ยสะสม
กู้เงินซ่อมบ้าน ธนาคารไหนดี?
คำถามยอดฮิตของเจ้าของบ้านหลายคนในปีนี้คือ
“กู้เงินซ่อมบ้าน ธนาคารไหนดี?”
เรารวมข้อมูล สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน 2568 ที่น่าสนใจจากธนาคารต่าง ๆ ไว้ดังนี้:
1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
- จุดเด่น: เงื่อนไขยืดหยุ่นเพื่อประชาชนรายได้น้อย
- ดอกเบี้ย: เริ่มต้นที่ 3.00–4.50% ต่อปี
- ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี
- วงเงิน: สูงสุด 100% ของค่าซ่อมแซม
2. ธนาคารกรุงไทย
- สินเชื่อกรุงไทยบ้านดีมีสุข
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.25% ต่อปี
- ผ่อนนานสุด 30 ปี
- อนุมัติง่าย มีโปรโมชั่นร่วมกับโครงการรัฐ
3. ธนาคารกสิกรไทย
- สินเชื่อบ้านช่วยได้
- ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.5%
- กู้ได้ทั้งซ่อมแซม/ต่อเติม/ตกแต่ง
- สมัครง่ายผ่านแอป K PLUS
4. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์
- อนุมัติเร็ว วงเงินสูง
- มีบริการประเมินราคาทรัพย์ฟรี
- ผ่อนนานถึง 30 ปี
5. ธนาคารกรุงเทพ
- สินเชื่อบ้านเพื่อซ่อมแซม
- วงเงินสูงสุด 90% ของราคาประเมิน
- ดอกเบี้ยต่ำพิเศษเฉพาะลูกค้าสินเชื่อบ้านเดิม
เคล็ดลับอนุมัติไว
- มีประวัติผ่อนดี / เครดิตดี
- ภาระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้
- มีรายได้สม่ำเสมอ / รายได้เสริม
- เอกสารครบ ถ่ายชัดเจน และเซ็นชื่อถูกต้อง
- มีภาพถ่าย “ก่อนซ่อม” เพื่อแสดงวัตถุประสงค์
สรุป
การกู้เงินซ่อมบ้านในปี 2568 ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะธนาคารต่างๆ ได้ออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน 2568 ที่ตอบโจทย์ทั้งรายได้น้อยและรายได้ประจำ พร้อมดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขผ่อนสบาย โดยเฉพาะผู้ที่มีบ้านอยู่แล้ว และต้องการปรับปรุงหรือเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของตน
หากคุณยังลังเลว่า กู้เงินซ่อมบ้าน ธนาคารไหนดี แนะนำให้เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคาร และเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนยื่น เพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติได้เร็วขึ้น