กู้ร่วมซื้อคอนโดคืออะไร? เงื่อนไข ข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

กู้ร่วมซื้อคอนโด

ในยุคที่ราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนที่มีรายได้เพียงคนเดียวอาจประสบปัญหาในการยื่นกู้ธนาคาร เพราะไม่สามารถกู้ได้วงเงินตามที่ต้องการ ทางออกหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ “การกู้ร่วมซื้อคอนโด” ซึ่งเปิดโอกาสให้หลายคนสามารถกู้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้และได้รับอนุมัติวงเงินมากขึ้น

แต่การกู้ร่วมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ผ่าน แต่ก็มีภาระผูกพันทางกฎหมายและการเงินที่ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากไม่เข้าใจเงื่อนไขอย่างรอบคอบ อาจนำไปสู่ปัญหาการเงินและความสัมพันธ์ในอนาคตได้

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเรื่องการกู้ร่วมซื้อคอนโดอย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย ข้อดี ข้อเสีย เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ไปจนถึงสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

กู้ร่วมซื้อคอนโดคืออะไร

การกู้ร่วม (Joint Loan) คือการที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดร่วมกัน โดยทุกคนที่เข้าร่วมเป็นผู้กู้มีสถานะเป็น “ลูกหนี้ร่วม” ซึ่งหมายความว่า ธนาคารสามารถเรียกเก็บหนี้จากใครก็ได้ในจำนวนเต็มวงเงิน ไม่ใช่เพียงเฉพาะส่วนที่ตัวเองกู้

📌 ตัวอย่าง: หากกู้ 3 ล้านบาทโดยกู้ร่วม 2 คน หากคนหนึ่งไม่ชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนจากอีกคนได้

เงื่อนไขการกู้ร่วมซื้อคอนโด

1. ผู้กู้ร่วมได้แก่ใครบ้าง?

  • คู่สมรสจดทะเบียน
  • คู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)
  • พ่อแม่และบุตร
  • พี่น้องสายตรง
  • กรณีเพื่อนหรือบุคคลทั่วไป อาจทำได้ แต่ธนาคารส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน

2. จำนวนผู้กู้ร่วม

โดยทั่วไปธนาคารอนุญาตให้กู้ร่วมได้ 2–3 คน แต่ไม่เกิน 4 คน และผู้กู้ร่วมทุกคนต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในคอนโด

3. เอกสารที่ใช้ประกอบการกู้

  • บัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
  • หลักฐานรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, statement ธนาคารย้อนหลัง
  • ทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาโฉนดห้องชุดหรือเอกสารจองคอนโด

4. ภาระหนี้ร่วม

  • ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องรับผิดชอบชำระหนี้เท่ากัน
  • ธนาคารจะพิจารณาภาระหนี้รวมของทุกคน ไม่ใช่แยกเป็นรายบุคคล
  • หากคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระ จะส่งผลต่อประวัติทางการเงิน (เครดิตบูโร) ของทุกคน

ข้อดีของการกู้ร่วมซื้อคอนโด

  1. เพิ่มโอกาสกู้ผ่าน
    รวมรายได้หลายคน ทำให้ธนาคารพิจารณาแล้วมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น
  2. ได้วงเงินกู้สูงขึ้น
    เช่น รายได้คนเดียวอาจกู้ได้ 2 ล้านบาท แต่ถ้ากู้ร่วม 2 คน อาจกู้ได้ถึง 3–4 ล้านบาท
  3. แบ่งเบาภาระการผ่อน
    แม้ในทางกฎหมายจะต้องรับผิดชอบเต็มจำนวนทุกคน แต่ในทางปฏิบัติสามารถแบ่งกันผ่อนชำระได้
  4. สร้างทรัพย์สินร่วมกัน
    เหมาะสำหรับคู่สมรสหรือครอบครัวที่ต้องการสร้างทรัพย์สินร่วมกันในอนาคต

ข้อเสียและความเสี่ยงของการกู้ร่วม

  1. ภาระหนี้ผูกพันเท่ากัน
    หากอีกฝ่ายไม่ผ่อน ธนาคารสามารถเรียกเก็บหนี้ทั้งหมดจากคุณได้ทันที
  2. ส่งผลต่อเครดิตบูโร
    หากผิดนัดชำระ ไม่ว่าจะใครก็ตาม ประวัติทางการเงินของทุกคนจะเสียหาย
  3. ข้อจำกัดในการกู้ครั้งต่อไป
    เมื่อกู้ร่วมไปแล้ว ภาระหนี้จะถูกนับรวม ทำให้การกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดครั้งต่อไปอาจทำได้ยากขึ้น
  4. ปัญหาความสัมพันธ์
    สำหรับคู่รักหรือเพื่อน หากเลิกราหรือมีปัญหากัน การกู้ร่วมอาจกลายเป็นภาระใหญ่ที่ยากจะแก้ไข

สิ่งที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วม

  • ตกลงเรื่องการผ่อนให้ชัดเจน ใครรับผิดชอบกี่เปอร์เซ็นต์
  • ทำสัญญาภายในกันเอง เพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคต
  • วางแผนทางการเงินระยะยาว เพราะคอนโดเป็นหนี้ผ่อนยาวนาน 20–30 ปี
  • พิจารณาสถานะความสัมพันธ์ โดยเฉพาะหากเป็นแฟนที่ยังไม่ได้แต่งงาน
  • คิดถึงอนาคตการกู้เพิ่มเติม เช่น ซื้อบ้านหลังใหม่หรือกู้เพื่อการลงทุนอื่น ๆ

ตัวอย่างสถานการณ์จริง

  1. คู่สมรสกู้ร่วมแล้วหย่าร้าง
    คอนโดที่ซื้อร่วมกันยังต้องรับผิดชำระหนี้ร่วมกันอยู่ หากขายไม่ทัน ราคาตก อาจสร้างปัญหายืดเยื้อ
  2. พ่อแม่กู้ร่วมกับลูก
    ช่วยเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน แต่หากลูกผ่อนไม่ได้ พ่อแม่ที่เกษียณแล้วก็ต้องรับผิดชอบหนี้แทน
  3. เพื่อนกู้ร่วมกัน
    แม้จะตกลงกันดีในตอนแรก แต่เมื่อเกิดความขัดแย้ง อาจทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียเครดิตทางการเงินไปพร้อมกัน

เคล็ดลับการกู้ร่วมให้ปลอดภัย

  • เลือกผู้กู้ร่วมที่มีความรับผิดชอบทางการเงิน
  • ตรวจสอบรายได้และประวัติหนี้ของกันและกันก่อน
  • ทำประกันสินเชื่อ (MRTA) เพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
  • กำหนดแผนสำรองหากใครคนใดไม่สามารถผ่อนชำระได้
  • เก็บหลักฐานการชำระเงินทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาท

สรุป

การ กู้ร่วมซื้อคอนโด เป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินกู้สูงขึ้นหรือกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่าน เพราะสามารถรวมรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของหลายคนเข้าด้วยกัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงและภาระผูกพันที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

หลักการสำคัญคือ “อย่ากู้ร่วมกับใครถ้าไม่มั่นใจในความสัมพันธ์และความรับผิดชอบทางการเงินของเขา” เพราะเมื่อเซ็นสัญญากู้ร่วมแล้ว ทุกคนมีหน้าที่เท่ากันต่อธนาคาร

ดังนั้น ก่อนจะกู้ร่วมซื้อคอนโด ควรทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบในอนาคตให้ชัดเจน เพื่อให้การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการสร้างทรัพย์สินที่มั่นคง ไม่ใช่ภาระที่กลายเป็นปัญหาตามมา

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด