การตั้งราคาขายที่ดินจากราคาประเมิน ทำอย่างไรให้ขายได้จริงและได้กำไร

การตั้งราคาขายที่ดินจากราคาประเมิน

ราคาประเมินที่ดินคืออะไร

ราคาประเมินที่ดิน คือ มูลค่าที่กรมธนารักษ์กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งราคานี้จะมีการปรับปรุงใหม่ทุก ๆ 4 ปี โดยพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง การใช้ประโยชน์ และศักยภาพการพัฒนา

ทำไมต้องใช้ราคาประเมินเป็นเกณฑ์อ้างอิง

แม้ราคาประเมินจะไม่ได้สะท้อนราคาตลาดจริงทั้งหมด แต่ก็เป็น จุดเริ่มต้นที่สำคัญ สำหรับเจ้าของที่ดินและผู้ซื้อ เพราะ

  • ใช้เป็นเกณฑ์เสียภาษีและค่าธรรมเนียม
  • เป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นว่าที่ดินในพื้นที่นั้นมีมูลค่าอย่างไร
  • ใช้เป็นข้อมูลประกอบการต่อรองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

ราคาประเมินต่างจากราคาตลาดอย่างไร

  1. ราคาประเมิน – ค่าที่รัฐกำหนด ใช้อ้างอิงทางกฎหมายและการจัดเก็บภาษี
  2. ราคาตลาด – ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายยินยอมซื้อขายกันจริง ซึ่งมักสูงกว่าราคาประเมิน

ตัวอย่าง: ราคาประเมินที่ดินในทำเลชานเมืองอาจอยู่ที่ 20,000 บาทต่อตารางวา แต่ราคาตลาดจริงอาจขายได้ 35,000–40,000 บาทต่อตารางวา ขึ้นอยู่กับความต้องการและศักยภาพทำเล

วิธีตั้งราคาขายที่ดินจากราคาประเมิน

1. ศึกษาราคาประเมินล่าสุด

เข้าเว็บไซต์กรมธนารักษ์หรือสอบถามที่สำนักงานที่ดินในพื้นที่เพื่อดูราคาประเมินต่อตารางวา

2. สำรวจราคาตลาดจริง

เปรียบเทียบราคาประกาศขายที่ดินในพื้นที่เดียวกัน เช่น จากเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า หรือการซื้อขายจริงที่ผ่านมา

3. วิเคราะห์ศักยภาพทำเล

  • ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน หรือโครงการพัฒนาเมือง
  • ใกล้แหล่งงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือห้างสรรพสินค้า
  • ความสะดวกในการเดินทาง

4. บวก–ลบจากราคาประเมิน

  • หากทำเลกำลังเติบโต ราคาตลาดจริงอาจสูงกว่าประเมิน 20–50%
  • หากทำเลไม่ค่อยมีการพัฒนา ราคาตลาดอาจใกล้เคียงกับราคาประเมิน

5. พิจารณาต้นทุนและภาษี

ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ค่าอากรแสตมป์, ค่าธรรมเนียมโอน เพื่อกำหนดราคาที่ไม่ทำให้ขาดทุน

ตัวอย่างการตั้งราคาขายที่ดิน

  • ราคาประเมิน: 25,000 บาท/ตร.วา
  • ที่ดินขนาด 100 ตร.วา = 2,500,000 บาท (ตามราคาประเมิน)
  • ราคาตลาดจริง: 40,000 บาท/ตร.วา = 4,000,000 บาท
  • เจ้าของอาจตั้งราคาขายที่ 3,800,000 บาท เพื่อให้ผู้ซื้อสนใจและยังมีกำไร

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

  1. ผังเมือง – สีของผังเมืองกำหนดได้ว่าที่ดินใช้ทำอะไรได้บ้าง เช่น ที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม
  2. สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน – หากมีบ้านเก่า โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ต้องพิจารณาค่ารื้อถอนหรือปรับปรุง
  3. ภาระผูกพัน – เช่น การจำนอง การถูกฟ้องร้อง หรือข้อจำกัดทางกฎหมาย
  4. แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุน – หากมีโครงการลงทุนในพื้นที่ ราคาที่ดินจะสูงขึ้น

เทคนิคขายที่ดินให้ได้เร็ว

  • ตั้งราคาสมเหตุสมผล ไม่สูงกว่าตลาดจนเกินไป
  • ใช้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์
  • ทำการตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
  • จัดทำเอกสารสิทธิ์และข้อมูลที่ดินให้ครบถ้วน
  • พิจารณาเสนอผ่อนชำระหรือขายผ่อนให้ผู้ซื้อที่มีกำลังจำกัด

ภาษีและค่าใช้จ่ายที่ผู้ขายต้องรู้

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย
  2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรืออากรแสตมป์
  3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (หากถือครอง)
  4. ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ราคาใดสูงกว่า

คำแนะนำสำหรับผู้ขายมือใหม่

  • อย่าตั้งราคาต่ำกว่าตลาดมาก เพราะอาจเสียโอกาส
  • ศึกษากฎหมายและขั้นตอนการโอนให้ชัดเจน
  • หากไม่มั่นใจเรื่องภาษี ควรปรึกษานิติกรหรือนักกฎหมาย
  • คำนึงถึงความคุ้มค่าและความเร็วในการขายควบคู่กัน

สรุป

การตั้งราคาขายที่ดินจากราคาประเมินเป็น จุดเริ่มต้นที่ดี แต่ไม่ใช่ตัวเลขสุดท้ายในการขาย ควรพิจารณาร่วมกับราคาตลาดจริง ศักยภาพทำเล ต้นทุนภาษี และแนวโน้มเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดราคาที่ทั้งดึงดูดผู้ซื้อและสร้างกำไรให้ผู้ขาย หากวางแผนอย่างรอบคอบ การขายที่ดินจะเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด