การกู้เงินธนาคาร ขั้นตอน วิธีการ และเคล็ดลับขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย

การกู้เงินธนาคาร

ในโลกยุคใหม่ “เงินทุน” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ทำธุรกิจ หรือลงทุนในสิ่งที่สำคัญกับชีวิต และหนึ่งในแหล่งเงินทุนที่คนไทยนิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ “ธนาคาร”

การกู้เงินจากธนาคารอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร เตรียมอะไรบ้าง หรือธนาคารจะพิจารณาจากอะไร บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกมิติของการขอสินเชื่อจากธนาคาร ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเทคนิคขั้นสูงในการทำให้สินเชื่อได้รับการอนุมัติ

ประเภทของการกู้เงินจากธนาคาร

ก่อนจะยื่นขอสินเชื่อ สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจว่า “กู้เงินไปทำอะไร” และเลือกประเภทสินเชื่อให้เหมาะสม ธนาคารในไทยมีสินเชื่อหลายประเภท ได้แก่:

สินเชื่อส่วนบุคคล

เหมาะกับการนำไปใช้จ่ายทั่วไป เช่น ปรับปรุงบ้าน เที่ยว พ่อแม่ป่วย หรือเสริมสภาพคล่อง มักไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น

สินเชื่อบ้าน

สำหรับซื้อบ้าน คอนโด รีไฟแนนซ์ หรือต่อเติมบ้าน มักมีวงเงินสูงและดอกเบี้ยต่ำกว่า เพราะใช้บ้านเป็นหลักประกัน

สินเชื่อรถยนต์

มีทั้งแบบเช่าซื้อ (ซื้อรถใหม่) และจำนำทะเบียน (ใช้รถที่มีอยู่แลกเงิน) เงื่อนไขขึ้นอยู่กับยี่ห้อ อายุรถ และเครดิตผู้กู้

สินเชื่อธุรกิจ

เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ ต้องใช้เอกสารประกอบมาก เช่น งบการเงิน ใบอนุญาตประกอบกิจการ รายงานบัญชี ฯลฯ

สินเชื่อเพื่อการศึกษา / การแพทย์

บางธนาคารมีสินเชื่อพิเศษเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ หรือรักษาพยาบาลเฉพาะทาง โดยมีเงื่อนไขดอกเบี้ยต่ำและผ่อนยาว

ขั้นตอนทั่วไปของการกู้เงินธนาคาร

ศึกษาข้อมูลและเลือกสินเชื่อให้เหมาะสม

หากคุณต้องการกู้เงิน ควรเริ่มจากการศึกษาประเภทสินเชื่อที่ตอบโจทย์ เช่น ถ้าจะซื้อบ้าน ให้พิจารณาสินเชื่อบ้าน ไม่ใช่สินเชื่อส่วนบุคคล เพราะอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระแตกต่างกันอย่างมาก

ตรวจสอบคุณสมบัติตนเอง

ธนาคารจะพิจารณาจาก

  • รายได้ต่อเดือน
  • ภาระหนี้ที่มีอยู่
  • ประวัติเครดิต (เครดิตบูโร)
  • อายุ
  • อาชีพ (ประจำ/อิสระ)

ผู้มีรายได้มั่นคง เช่น พนักงานประจำหรือข้าราชการ มักมีโอกาสได้รับอนุมัติสูงกว่าผู้ประกอบอาชีพอิสระ

เตรียมเอกสารให้ครบ

เอกสารพื้นฐานได้แก่:

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3–6 เดือน
  • สเตตเมนต์บัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
  • สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)
  • เอกสารทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกัน (ถ้ามี)

หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ ต้องแนบเพิ่มเติม:

  • ใบทะเบียนพาณิชย์
  • งบการเงินย้อนหลัง 2–3 ปี
  • บัญชีรายรับรายจ่ายของกิจการ

ยื่นขอสินเชื่อ

สามารถยื่นผ่านสาขา หรือระบบออนไลน์ของธนาคาร (ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อ) โดยกรอกแบบฟอร์มและแนบเอกสารให้ครบ

รอผลอนุมัติ

ระยะเวลาขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อและความซับซ้อนของเอกสาร โดยทั่วไป

  • สินเชื่อส่วนบุคคล: 3–5 วัน
  • สินเชื่อบ้าน: 7–15 วัน
  • สินเชื่อธุรกิจ: 15–30 วัน

ธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร

เซ็นสัญญาและรับเงิน

หากผ่านการอนุมัติ จะนัดเซ็นสัญญาเงินกู้ พร้อมแจ้งรายละเอียดอัตราดอกเบี้ย ยอดผ่อน ระยะเวลา และวันตัดยอด

ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

  1. ประวัติเครดิต (เครดิตบูโร)
    ธนาคารจะตรวจสอบว่าคุณมีประวัติผิดนัดชำระหรือไม่ หากมีบัญชีค้างชำระ โอกาสจะกู้ผ่านน้อยลงทันที
  2. รายได้และความสามารถในการผ่อนชำระ
    โดยทั่วไปจะใช้เกณฑ์ว่า “ภาระหนี้รวมต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้” เช่น หากคุณมีรายได้ 30,000 บาท ภาระหนี้รวมไม่ควรเกิน 12,000 บาท/เดือน
  3. หลักประกัน (ถ้ามี)
    หากเป็นสินเชื่อมีหลักประกัน เช่น บ้าน รถยนต์ ธนาคารจะพิจารณาความมั่นคงของทรัพย์ เช่น ทำเลบ้าน อายุรถ
  4. อาชีพและความมั่นคง
    พนักงานบริษัทที่ทำงานมากกว่า 1 ปี มีรายได้ประจำ จะได้รับการพิจารณาง่ายกว่าคนที่เปลี่ยนงานบ่อย หรือรายได้ไม่แน่นอน

เคล็ดลับการกู้ให้ผ่านง่าย

  • มีวินัยทางการเงิน
    ใช้จ่ายอย่างมีแบบแผน เดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้ยอดคงเหลือต่ำตลอดเวลา
  • ลดภาระหนี้ก่อนยื่นกู้
    ชำระหนี้บัตรเครดิตหรือผ่อนสินค้าให้หมดก่อน เพื่อให้รายจ่ายลดลงและวงเงินกู้เพิ่มขึ้น
  • เลือกธนาคารที่มีโปรโมชัน
    เช่น ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ ฟรีค่าจดจำนอง หรือผ่อนชำระสบายใน 6 เดือนแรก
  • ขอกู้ร่วม (ถ้ารายได้ไม่พอ)
    หากรายได้ไม่พอจะขอกู้คนเดียว อาจขอคู่สมรสหรือญาติร่วมเป็นผู้กู้ เพื่อรวมรายได้ให้ผ่านเกณฑ์

ดอกเบี้ยสินเชื่อ: แบบคงที่ vs แบบลอยตัว

ประเภทดอกเบี้ยรายละเอียดข้อดีข้อควรระวัง
คงที่ (Fixed)อัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนตามตลาดวางแผนรายจ่ายง่ายอาจสูงกว่าดอกเบี้ยลอยตัวช่วงแรก
ลอยตัว (Floating)ดอกเบี้ยเปลี่ยนตาม MRR/MORช่วงแรกมักต่ำเสี่ยงดอกเบี้ยขึ้นหากเศรษฐกิจเปลี่ยน
ผสม (Fixed + Floating)คงที่ 3 ปีแรก จากนั้นลอยตัวยืดหยุ่นต้องวางแผนระยะยาว

ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้ก่อนกู้

  • ค่าประเมินราคาทรัพย์ (กรณีมีหลักประกัน)
  • ค่าธรรมเนียมดำเนินการ
  • ค่าจดจำนอง
  • ค่าทำประกันชีวิต/ประกันอัคคีภัย (บางสินเชื่อ)
  • ค่าทนาย/ค่าโอน (กรณีซื้อทรัพย์สิน)

ข้อควรระวังในการกู้เงิน

  • อย่ากู้เกินความจำเป็น: ควรกู้เฉพาะที่ต้องใช้จริง
  • อ่านสัญญาให้ละเอียด: โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ปรับกรณีผิดนัด
  • ตรวจสอบวันชำระ: ไม่ให้ลืมหรือจ่ายล่าช้า เพราะมีผลต่อเครดิต
  • หลีกเลี่ยงการกู้จากหลายแหล่งพร้อมกัน: ทำให้ธนาคารมองว่าคุณมีความเสี่ยง

สรุป

การกู้เงินธนาคารไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เริ่มจากเลือกสินเชื่อให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ เตรียมเอกสารให้ครบ รักษาวินัยทางการเงิน และเข้าใจเงื่อนไขของธนาคารที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าคุณจะต้องการซื้อบ้าน ขยายธุรกิจ หรือต้องการเงินทุนเพื่อเปลี่ยนชีวิต การกู้เงินจากธนาคารสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพได้ หากใช้ให้ถูกจังหวะ และบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด