กฎหมายคุ้มครองผู้เช่า สิทธิของผู้เช่าบ้าน พร้อมวิธีป้องกันการผิดสัญญา

กฎหมายคุ้มครองผู้เช่า

การเช่าที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด กฎหมายมีบทบัญญัติคุ้มครองผู้เช่าเสมอ เพื่อให้ผู้เช่าได้รับความเป็นธรรม หากเกิดกรณี ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน ก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้อย่างมั่นใจ ในส่วนของผู้เช่าคอนโด ก็อยู่ภายใต้ กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าคอนโด โดยเฉพาะเมื่อมีข้อพิพาทเรื่องสัญญา ค่าปรับ หรือการบอกเลิกสัญญา

บทความนี้จะอธิบายภาพรวมของสิทธิผู้เช่า การดำเนินการเมื่อเจอปัญหา และขั้นตอนปกป้องสิทธิตามกฎหมายอย่างละเอียด

ส่วนที่ 1: สิทธิพื้นฐานของผู้เช่า

ผู้เช่าจะได้รับสิทธิพื้นฐานดังนี้:

  • ได้อยู่อาศัยตามสัญญาโดยผู้ให้เช่าไม่สามารถยึดคืนก่อนกำหนดโดยไม่มีเหตุสมควร
  • ไม่ถูกเรียกเก็บค่าเช่าหรือค่าปรับที่ไม่ได้ระบุในสัญญา
  • มีสิทธิขอปรับปรุง ซ่อมแซม หากบ้านหรือคอนโดชำรุด
  • สามารถยกเลิกสัญญา หากผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา

ส่วนที่ 2: เมื่อผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน

หากเกิดกรณี ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน เช่น ยึดคืนบ้านก่อนครบสัญญา ไม่ยอมซ่อมแซมบ้าน หรือเรียกเก็บเงินเกินสัญญา ผู้เช่าสามารถดำเนินการดังนี้:

  1. ชี้แจงข้อเรียกร้องกับผู้ให้เช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
  2. ยึดหลักสัญญาที่ลงนามไว้เป็นหลักฐาน
  3. หากไม่สามารถตกลงกันได้ ให้ยื่นเรื่องต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัด
  4. ขอคืนค่าประกัน หรือค่าชำระล่วงหน้าที่ไม่ได้ใช้
  5. ขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการผิดสัญญา

การดำเนินการลักษณะนี้อยู่ภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตราเกี่ยวกับสัญญาเช่า และช่วยให้ผู้เช่าได้รับความเป็นธรรม

ส่วนที่ 3: กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าคอนโด

แม้การเช่าคอนโดจะคล้ายกับการเช่าบ้าน แต่มีข้อควรระวังเพิ่มเติม เช่น ข้อตกลงเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง หรือข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด

  • ผู้เช่าต้องได้รับข้อมูลข้อตกลงค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามจริง
  • ห้ามผู้ให้เช่าเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่นิติไม่กำหนด
  • หากมีปัญหาเรื่องการบำรุงรักษาส่วนกลาง ผู้เช่าสามารถแจ้งนิติบุคคลอาคารเพื่อแก้ไข
  • กรณีผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุไม่ชอบ หรือเรียกร้องอื่นนอกเหนือจากสัญญา ผู้เช่าสามารถใช้ กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าคอนโด เพื่อปกป้องสิทธิได้

ส่วนที่ 4: ว่าด้วยสัญญาเช่า – สิ่งที่ควรมี

สัญญาเช่าบ้านหรือคอนโดควรประกอบด้วย:

  • ข้อมูลผู้เช่า–ผู้ให้เช่า
  • ระยะเวลาการเช่า และเงื่อนไขการต่อสัญญา
  • จำนวนเงินค่าเช่า ค่ามัดจำ และวันชำระ
  • ภาระงานซ่อมบำรุงว่าใครรับผิดชอบ
  • เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญา (โดยผู้เช่าและผู้ให้เช่า)
  • ค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟค่าบำรุงรักษาส่วนกลาง

การมีสัญญาเช่าชัดเจนจะช่วยลดข้อขัดแย้ง และเป็นหลักฐานที่สำคัญเมื่อเกิดกรณี ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน

ส่วนที่ 5: ตัวอย่างเหตุการณ์และแนวทางดำเนินการ

กรณี #1: ผู้ให้เช่าไม่ซ่อมหลังคารั่ว

✅ แนวทางแก้ไข: แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร หากไม่ตอบสนองภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ให้ใช้สิทธิเรียกให้ผู้ให้เช่าซ่อม ซึ่งตามกฎหมายหากไม่ดำเนินการ ผู้เช่าสามารถขอลดค่าเช่าหรือเลิกสัญญาได้

กรณี #2: ผู้ให้เช่าบอกเลิกก่อนสัญญาครบ

✅ แนวทางแก้ไข: ให้ผู้เช่ายืนยันว่าสัญญาไม่ได้เปิดช่องให้ยกเลิกก่อนกำหนด หากไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้เช่าสามารถฟ้องเพื่อขอชดเชยค่าเสียหายได้

กรณี #3: ผู้ให้เช่าคอนโดเรียกเก็บค่าส่วนกลางเพิ่มเติม

✅ แนวทางแก้ไข: ตรวจสอบจากหนังสือเรียกเก็บของนิติบุคคล หากไม่มีในหนังสือเรียกเก็บ ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิเรียกเก็บเพิ่มเติม

ส่วนที่ 6: แนวทางป้องกันปัญหาล่วงหน้า

  • ตรวจสอบสัญญาเช่าก่อนลงนามเสมอ
  • เก็บสำเนาใบเสร็จค่าเช่า / ค่ามัดจำ และแบบบ้านถ้ามี
  • อย่าเซ็นสัญญาเปล่า หรือสัญญาที่มีช่องว่าง
  • อ่านกฎนิติบุคคลอาคารก่อนเช่าคอนโด
  • เมื่อย้ายออก ควรถ่ายรูปสถานที่ และขอคืนเงินประกันเป็นลายลักษณ์อักษร

สรุป

การเช่าบ้านหรือคอนโด แม้จะดูเป็นเรื่องง่าย แต่หากไม่รู้สิทธิเพียงพอ ผู้เช่าอาจเสียเปรียบในกรณี ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเช่าบ้าน หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าคอนโด การรู้ขั้นตอนที่ถูกต้อง รู้วิธีใช้สัญญาให้เป็นประโยชน์ และเตรียมเอกสารให้ครบ จะช่วยให้คุณปกป้องสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด