กฎหมายควบคุมการเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568 สิ่งที่ผู้เช่าและเจ้าของบ้านต้องรู้

กฎหมายควบคุมการเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568

การเช่าที่อยู่อาศัยถือเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนเมืองที่ไม่ได้ซื้อบ้านหรือคอนโดเป็นของตนเอง แต่เลือกใช้การเช่าแทน ด้วยความยืดหยุ่นและต้นทุนที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่ามักพบได้เสมอ เช่น การเก็บเงินมัดจำ การปรับค่าเช่าไม่เป็นธรรม หรือการบอกเลิกสัญญาแบบกะทันหัน จึงทำให้ กฎหมายควบคุมการเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568 เข้ามามีบทบาทสำคัญ

กฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิของผู้เช่าและผู้ให้เช่า ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันบนหลักความยุติธรรม ป้องกันการเอาเปรียบ และลดข้อพิพาทที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้อง

สาระสำคัญของกฎหมายเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568

1. การทำสัญญาเช่าต้องเป็นลายลักษณ์อักษร

  • สัญญาเช่าที่อยู่อาศัยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโด ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร
  • ต้องระบุรายละเอียด เช่น ค่าเช่า ระยะเวลาเช่า เงื่อนไขการบอกเลิก และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รวมอยู่ในสัญญา

2. การเก็บเงินมัดจำ

  • ผู้ให้เช่าสามารถเก็บเงินมัดจำได้ไม่เกิน 2 เดือนของค่าเช่า
  • เมื่อสิ้นสุดสัญญา หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินมัดจำภายใน 30 วัน

3. สิทธิในการปรับค่าเช่า

  • หากต้องการปรับค่าเช่า ต้องแจ้งผู้เช่าล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน
  • การปรับค่าเช่าต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและราคาตลาดในพื้นที่

4. สิทธิการบอกเลิกสัญญา

  • ผู้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาได้ โดยแจ้งผู้ให้เช่าล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
  • ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาได้ หากผู้เช่าผิดเงื่อนไข เช่น ค้างค่าเช่า หรือทำความเสียหายร้ายแรงต่อที่พัก

5. ข้อห้ามผู้ให้เช่า

  • ห้ามยึดบัตรประชาชนหรือเอกสารส่วนตัวของผู้เช่า
  • ห้ามปิดกั้นสาธารณูปโภค เช่น น้ำ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต เพื่อบังคับให้ผู้เช่าย้ายออก
  • ห้ามบังคับเก็บค่าใช้จ่ายส่วนเกินเกินจริง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่สูงกว่าราคาที่การไฟฟ้าหรือการประปากำหนด

สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่า

  • สิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบสุข ผู้เช่ามีสิทธิใช้พื้นที่เช่าตามสัญญา โดยไม่ถูกรบกวนเกินสมควร
  • สิทธิขอคืนเงินมัดจำ หากไม่มีความเสียหาย ผู้เช่ามีสิทธิขอคืนเงินมัดจำเต็มจำนวน
  • หน้าที่ดูแลรักษาที่พัก ผู้เช่าต้องดูแลบ้านหรือห้องพักให้อยู่ในสภาพดี ใช้งานอย่างระมัดระวัง
  • หน้าที่ชำระค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคตรงเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการผิดสัญญา

สิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่า

  • สิทธิในการได้รับค่าเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกเก็บค่าเช่าตามที่ตกลงในสัญญา
  • สิทธิในการตรวจสอบทรัพย์สิน หากมีเหตุอันควรสงสัย ผู้ให้เช่าสามารถเข้าตรวจสอบห้องพักได้ โดยต้องแจ้งผู้เช่าล่วงหน้า
  • หน้าที่ซ่อมบำรุงโครงสร้างหลัก เช่น หลังคา ผนัง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา
  • หน้าที่คืนเงินมัดจำ ตามที่กฎหมายกำหนดเมื่อสิ้นสุดสัญญา

ข้อดีของกฎหมายควบคุมการเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568

  1. สร้างความมั่นใจให้ผู้เช่า ไม่ถูกเอาเปรียบด้วยค่าใช้จ่ายเกินจริง
  2. ลดข้อพิพาททางกฎหมาย เพราะมีการกำหนดสิทธิ หน้าที่ชัดเจน
  3. ส่งเสริมการลงทุนอสังหาฯ ให้เช่า ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม
  4. คุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน ของผู้เช่าในการอยู่อาศัย

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

แม้กฎหมายจะช่วยคุ้มครอง แต่ในทางปฏิบัติอาจยังมีข้อท้าทาย เช่น

  • ผู้เช่าบางรายไม่ชำระค่าเช่าตรงเวลา
  • ผู้ให้เช่าละเมิดสิทธิ เช่น ปิดน้ำไฟ หรือเข้าห้องโดยไม่แจ้ง
  • การตีความรายละเอียดในสัญญาเช่าอาจแตกต่างกัน

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรบันทึกการทำธุรกรรมและเก็บหลักฐานไว้ทุกครั้ง

สรุป

กฎหมายควบคุมการเช่าที่อยู่อาศัย ปี 2568 เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อปรับสมดุลระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าอย่างเป็นธรรม กำหนดสิทธิ หน้าที่ และข้อห้ามที่ชัดเจน ช่วยลดการเอาเปรียบและเพิ่มความมั่นใจในการทำสัญญาเช่า หากคุณเป็นผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า การเข้าใจสาระสำคัญของกฎหมายนี้คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การอยู่อาศัยและการลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด