วิธีคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินเกษียณ เข้าใจง่ายใน 5 นาที

คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินเกษียณ

เมื่อถึงวัยเกษียณ หลายคนมักเข้าใจว่า “เงินเกษียณ” หรือ “เงินชดเชยกรณีออกจากงาน” จะได้รับแบบเต็มจำนวน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เงินก้อนนี้อาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการจ่ายและจำนวนเงินที่ได้รับ หากไม่วางแผนให้ดี อาจสูญเสียโอกาสในการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีโดยไม่รู้ตัว

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินเกษียณ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ควรรู้ เพื่อให้คุณได้รับเงินหลังเกษียณอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

เงินเกษียณ คืออะไร?

เงินเกษียณ หมายถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อสิ้นสุดการทำงาน โดยเฉพาะกรณี ครบเกษียณอายุ หรือ ลาออกก่อนกำหนดตามข้อตกลง ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้:

  • เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน (Severance Pay)
  • เงินบำเหน็จ (Gratuity)
  • เงินสะสมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • เงินบำนาญ
  • เงินโบนัสปลดเกษียณ (บางกรณี)

เงินเกษียณต้องเสียภาษีหรือไม่?

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับประเภทของเงิน โดยเฉพาะหากเป็นเงินที่ได้จากนายจ้าง เช่น บำเหน็จหรือเงินชดเชย เงินเหล่านี้ถือว่าเป็นเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(1) หรือ 40(2) ซึ่งอาจได้รับการ ยกเว้นบางส่วน หรือ ทั้งจำนวน ตามมาตรา 42(1) และมาตรา 48(5)

วิธีคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินเกษียณ (เข้าใจง่าย)

กรณี 1: เงินชดเชยหรือบำเหน็จเกษียณอายุจากนายจ้าง

ยกเว้นภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทแรก
และส่วนที่เกินสามารถใช้วิธี “หักลดหย่อนแบบเหมา 7,000 บาทต่อปีทำงาน” แล้วคูณอัตราภาษีแบบเฉลี่ย 5 ปี

ขั้นตอนคำนวณ:

  1. นำยอดเงินที่ได้รับ หัก 300,000 บาทแรก (ยกเว้นภาษี)
  2. เงินที่เหลือ หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา = 7,000 x จำนวนปีทำงาน (สูงสุดไม่เกิน 40 ปี)
  3. เงินสุทธิที่ได้ = นำไปเฉลี่ยหาร 5 ปี
  4. คำนวณภาษีแบบขั้นบันได จากเงินเฉลี่ย
  5. คูณ 5 = ภาษีที่ต้องจ่ายทั้งก้อน
  6. หัก ณ ที่จ่ายทันที หรือรอยื่นภาษีสิ้นปี

ตัวอย่าง:

นาย A เกษียณอายุ ได้รับเงินบำเหน็จ = 1,200,000 บาท
ทำงานมา 30 ปี

  • ยกเว้นภาษี 300,000 บาท → เหลือ 900,000 บาท
  • หักค่าใช้จ่าย = 7,000 × 30 = 210,000 บาท
  • เหลือเงินสุทธิ 900,000 – 210,000 = 690,000 บาท
  • เฉลี่ยรายได้ = 690,000 ÷ 5 = 138,000 บาท/ปี
  • ภาษีต่อปี (อัตราปี 2567):
    • ยกเว้น 150,000 แรก → ไม่ต้องเสียภาษี
    • ดังนั้น ภาษีที่ต้องชำระ = 0 บาท

กรณีนี้ ไม่เสียภาษี แม้ได้เงิน 1.2 ล้าน เพราะอยู่ในสิทธิยกเว้น

กรณี 2: เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

กรณีลาออกเพราะเกษียณอายุ และอยู่ในกองทุนเกิน 5 ปี
สามารถยกเว้นภาษีได้ทั้งหมด ตามมาตรา 42(11)

แต่ถ้าลาออกก่อนเกษียณ หรืออยู่ในกองทุนไม่ถึง 5 ปี อาจต้องนำบางส่วนมารวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี

ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ปี 2567)

รายได้สุทธิ (บาทต่อปี)อัตราภาษี (%)
0 – 150,000ยกเว้น
150,001 – 300,0005
300,001 – 500,00010
500,001 – 1,000,00015
1,000,001 – 2,000,00020
2,000,001 – 5,000,00025
5,000,001 – 10,000,00030
มากกว่า 10,000,00035

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

หากคุณเป็นผู้รับเงินเกษียณหรือผู้จัดการฝ่ายบุคคล ควรเตรียมเอกสารเหล่านี้:

  • หนังสือรับรองการเกษียณ (จากนายจ้าง)
  • ใบรับรองการจ่ายเงิน (50 ทวิ)
  • หลักฐานการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • หลักฐานระยะเวลาการทำงาน

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • หากคุณ ลาออกก่อนเกษียณ และได้รับเงินก้อน ควรปรึกษาฝ่ายบัญชีว่าสามารถใช้สิทธิยกเว้นใดได้บ้าง
  • หากคุณมี รายได้อื่น เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย ต้องรวมยื่นภาษีปลายปีด้วย
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นการ ชำระภาษีล่วงหน้า หากชำระเกินสามารถขอคืนได้เมื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90

สรุป

การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินเกษียณอาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่หากเข้าใจหลักการพื้นฐาน จะช่วยให้คุณประเมินภาระภาษีได้อย่างถูกต้อง และสามารถวางแผนการเกษียณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่าลืมใช้สิทธิ ยกเว้นภาษี 300,000 บาทแรก และ ค่าใช้จ่าย 7,000 บาทต่อปีทำงาน รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหากมีข้อสงสัย เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากเงินเกษียณก้อนสำคัญนี้

Share the Post:

รีวิวคอนโด อุดมสุข

รีวิวบ้าน อุดมสุข

อัพเดตล่าสุด