การซื้อบ้านคือหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของหลายคน แต่เมื่อไปยื่นกู้ธนาคารกลับพบว่า “กู้บ้านไม่ผ่าน” เป็นประสบการณ์ที่สร้างความผิดหวังและกังวลใจ หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมธนาคารถึงปฏิเสธ ทั้งที่คิดว่าตัวเองมีรายได้เพียงพอ
ในความจริงแล้ว การกู้บ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับ ประวัติเครดิต ภาระหนี้ ความมั่นคงของงาน และมูลค่าหลักประกัน ด้วย บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจสาเหตุที่กู้บ้านไม่ผ่าน พร้อมวิธีแก้ไขและการเตรียมตัวเพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติในครั้งต่อไป
สาเหตุที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน
1. ภาระหนี้สูงเกินไป (Debt-to-Income Ratio)
ธนาคารมักพิจารณาสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ หากคุณมีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่น ๆ มากเกินไป โอกาสกู้บ้านไม่ผ่านก็สูง
2. รายได้ไม่มั่นคง
ผู้ที่ทำงานฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ อาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงหากไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ชัดเจน
3. ประวัติเครดิตไม่ดี
หากเคยผิดนัดชำระหนี้ หนี้เสีย หรือติดเครดิตบูโร ธนาคารจะพิจารณาว่าเป็นความเสี่ยง
4. มูลค่าหลักประกันไม่ตรงกับราคาซื้อขาย
บางครั้งราคาบ้านที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันสูงกว่าราคาประเมินของธนาคาร ทำให้ไม่สามารถกู้ได้เต็มจำนวน
5. เอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
เช่น สลิปเงินเดือนไม่ตรงกับรายได้จริง หนังสือรับรองการทำงานไม่อัปเดต
6. อายุผู้กู้และระยะเวลาผ่อน
ธนาคารจะกำหนดอายุผู้กู้บวกกับระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 60–65 ปี หากผู้กู้อายุมากเกินไป อาจถูกจำกัดวงเงินหรือปฏิเสธ
วิธีแก้ไขเมื่อกู้บ้านไม่ผ่าน
1. ตรวจสอบและปรับปรุงเครดิต
- เคลียร์หนี้เสียทั้งหมด
- ชำระหนี้ตรงเวลาอย่างน้อย 6–12 เดือน
- เช็กข้อมูลเครดิตบูโรว่าถูกต้องหรือไม่
2. ลดภาระหนี้ก่อนยื่นกู้ใหม่
- ปิดหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่ไม่จำเป็น
- คุมค่าใช้จ่ายให้รายได้สุทธิเพียงพอต่อค่างวด
3. เตรียมรายได้ให้ชัดเจน
- สำหรับฟรีแลนซ์หรือเจ้าของกิจการ ควรมีบัญชีเดินเงินที่สม่ำเสมอ
- จัดทำเอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองจากผู้ว่าจ้าง
4. เลือกบ้านที่เหมาะสมกับกำลังผ่อน
- ไม่ควรซื้อบ้านเกิน 30–40% ของรายได้ต่อเดือน
- หากบ้านราคาเกินกำลัง อาจเลือกบ้านราคาต่ำลงก่อน
5. หาเงินดาวน์เพิ่ม
การมีเงินดาวน์มากขึ้นช่วยลดวงเงินกู้ และเพิ่มความมั่นใจให้ธนาคาร
6. ลองยื่นกู้กับหลายธนาคาร
แต่ละธนาคารมีเกณฑ์พิจารณาไม่เหมือนกัน บางที่เข้มงวดน้อยกว่าที่อื่น
เทคนิคเตรียมตัวให้กู้ผ่านในครั้งต่อไป
- วางแผนล่วงหน้า 1–2 ปี ก่อนซื้อบ้าน
- เก็บเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของราคารวม
- รักษาวินัยการเงิน ไม่ก่อหนี้ใหม่ระหว่างเตรียมกู้
- เลือกบ้านตามกำลังผ่อน ไม่เกิน 30–40% ของรายได้
- ปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารล่วงหน้า เพื่อประเมินโอกาสผ่าน
กรณีศึกษา: คนที่เคยกู้บ้านไม่ผ่าน แต่สุดท้ายกู้ได้
- คุณเอ มีหนี้บัตรเครดิตสูง ธนาคารไม่อนุมัติ → หลังจากปิดหนี้บัตรและรอ 1 ปี กู้ผ่านในครั้งที่สอง
- คุณบี อาชีพอิสระ ไม่มีเอกสารรายได้ → จัดการบัญชีรายรับ–รายจ่ายให้ชัดเจน พร้อมหนังสือรับรองจากลูกค้า → กู้ผ่านในที่สุด
- คุณซี บ้านราคาสูงเกินราคาประเมิน → เพิ่มเงินดาวน์และเปลี่ยนธนาคารที่ประเมินมูลค่าสูงกว่า → ได้วงเงินตามต้องการ
สรุป
การ กู้บ้านไม่ผ่าน ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นโอกาสให้คุณได้ทบทวนและปรับแผนการเงินใหม่ สาเหตุหลักมักเกิดจาก ภาระหนี้สูง รายได้ไม่มั่นคง หรือเครดิตไม่ดี หากคุณปรับปรุงเรื่องเหล่านี้ได้ โอกาสกู้ผ่านในอนาคตย่อมสูงขึ้น
การซื้อบ้านเป็นการลงทุนระยะยาว อย่ารีบตัดสินใจ ควรวางแผนการเงินล่วงหน้า เตรียมเอกสารให้พร้อม และเลือกบ้านตามกำลังที่แท้จริง เพียงเท่านี้การกู้บ้านก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป